VGI สู่แรบบิทเหงียน.!

VGI ในกลุ่ม BTS ของ “เจ้าสัวคีรี กาญจนพาสน์” สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการขายสิทธิบริหารจัดการพื้นที่เชิงพาณิชย์บนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส


นับตั้งแต่บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ VGI ในกลุ่มบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS ของ “เจ้าสัวคีรี กาญจนพาสน์” สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการขายสิทธิบริหารจัดการพื้นที่เชิงพาณิชย์บนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ให้กับบริษัท เนชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล เอ็ดดูเทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NINE ซึ่งปัจจุบันแปลงร่างเป็นบริษัท ซุปเปอร์ เทอร์เทิล จำกัด (มหาชน) หรือ TURTLE ไป…ก็ทำให้หุ้นเป็นเทรนด์ขาลงมาโดยตลอด

สะท้อนได้จาก ณ สิ้นปี 2564 ราคาปิดที่ 6.60 บาท มาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 56,833.69 ล้านบาท ถัดมา ณ สิ้นปี 2565 (ปีที่ประกาศขายสินทรัพย์) ราคาปิดที่ 4.40 บาท มาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 49,255.88 ล้านบาท ล่าสุดวานนี้ (20 ก.ย.) ราคาปิดตลาดที่ 2.56 บาท มาร์เก็ตแคปเหลือแค่ 28,657.97 ล้านบาทเท่านั้น

เนื่องจากกังวลว่าผลประกอบการจะออกมาไม่ดี เพราะขายช่องทางทำกินไปแล้วน่ะสิ..!!

ขนาดที่ว่าเมื่อช่วงเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา BTS โชว์ป๋าควักเงินกว่า 3,000 ล้านบาท เข้าไปซื้อหุ้น VGI ช่วงที่ราคาลงมาลึก โดยเป็นการซื้อบิ๊กล็อต 2 วันซ้อน จำนวน 754.23 ล้านหุ้น คิดเป็น 6.7374% ที่ราคาหุ้นละ 4 บาท (สูงกว่าราคาตลาด ณ ตอนนั้น) ส่งผลให้กลุ่ม BTS ขยับขึ้นมาถือหุ้น VGI จำนวน 6,754.24 ล้านหุ้น คิดเป็น 60.3352%..!!

แต่ดูแล้วไม่ช่วยอะไร…ราคาหุ้นยังไหลรูดลงเรื่อย ๆ

มิหนำซ้ำความเคลื่อนไหวในเชิงธุรกิจก็ไม่เห็นการขยับขยายไปลงทุนอะไรเพิ่มเติมด้วยสิ…

อ้อ…จะมีก็แต่การขายหุ้นบริษัท แรบบิท-ไลน์ เพย์ จํากัด (RLP) สัดส่วน 33.33% โดยแบ่งเป็นขายให้กับบริษัท ไลน์แมน (ประเทศไทย) จํากัด สัดส่วน 25.50% และบริษัท ไลน์ คอมพานี (ประเทศไทย) จํากัด สัดส่วน 7.83%…ส่วนมูลค่าเท่าไหร่ ไม่มีการเปิดเผยแฮะ…

ล่าสุดเพิ่งมีความเคลื่อนไหวอีกครั้ง จากการเตรียมไปตีเมืองขึ้นเวียดนาม ด้วยการจัดตั้งบริษัทใหม่ที่ชื่อ RABBIT CARE VIETNAM LIMITED LIABILITY COMPANY มีทุนจดทะเบียน 700 ล้านดองเวียดนาม โครงการถือหุ้นแบ่งเป็น บริษัท แรบบิท แคร์ จํากัด ถือ 99.990% และ PROWTECH INTERNATIONAL VINA JOINT STOCK COMPANY ถือ 0.010%

เป้าหมายชัดเจน เพื่อให้บริการด้านการโฆษณาและประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ทางการเงิน เช่น ผลิตภัณฑ์ประกันภัย สินเชื่อ บัตรเครดิต เป็นต้น

ถ้าให้เดาเหตุที่ VGI ต้องออกไปโตนอกบ้าน อันดับแรก ตลาดโฆษณาของไทยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เติบโตในอัตราถดถอย ประกอบกับเงื่อนไขธุรกิจไฟแนนซ์หรือนอนแบงก์ในบ้านเรา นอกจากถูกครอบด้วยกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดของภาครัฐแล้ว ยังเป็นตลาดที่แข่งขันกันสูง มีทั้งไฟแนนซ์ห้องแถว และแบงก์ที่ส่งบริษัทลูกเข้ามาชิงเค้ก ไม่นับรวมรายใหม่ ๆ ที่ดาหน้าเข้าสู่ตลาดนี้ จนกลายเป็นน่านน้ำสีเลือด หรือเรดโอเชียนไปแล้ว…ซึ่งหาก VGI ยังทู่ซี้อยู่แค่ตลาดในประเทศ การ Growth จะยากขึ้นเรื่อย ๆ..!!

ทำให้ VGI ต้องออกไปแสวงหาน่านน้ำใหม่ หรือบลูโอเชียน หนึ่งในนั้นคือประเทศเวียดนาม..!!

ที่สำคัญเมื่อเปรียบเทียบในเชิงประชากรก็มีไม่น้อย ล่าสุด เวียดนามเพิ่งมีประชากรแตะ 100 ล้านคน ไปเมื่อช่วงเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา หันไปดูการเติบโตทางเศรษฐกิจก็อยู่ในระดับสูง แม้จะลดความร้อนแรงลง โดยธนาคารโลกคาดปี 2566 เศรษฐกิจเวียดนามจะเติบโต 6.3% เทียบกับ 8% ในปี 2565 ขณะที่ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) ระบุว่า การเติบโตของเวียดนามอาจสูงถึง 6.5% ในปี 2566 และในอีก 5 ปีข้างหน้า

จากปัจจัยดังกล่าว VGI คงฝันกลางวันว่า การส่งแรบบิทไปตีเมืองขึ้นเวียดนาม จะสร้างอัตราการเติบโตได้เร็ว แต่หมายเหตุไว้หน่อยว่า ต้องดูเจ้าถิ่นด้วยนะว่า แข็งแกร่งแค่ไหน..? และจะเจอกฎระเบียบเข้มงวดเหมือนบ้านเราหรือเปล่า..?

เป็นช็อตที่ต้องติดตามกันต่อไป…

แต่เชื่อว่าระดับ “เจ้าสัวคีรี” คงตีลังกาคิดมาดีแล้วล่ะ..!!

…อิ อิ อิ…

Back to top button