เตรียมล้างพอร์ต?
ไม่น่าเชื่อว่า ตลาดหุ้นไทยจะพลิกจาก “หน้ามือเป็นหลังเท้า” ในระยะเวลาแค่ 2 สัปดาห์ แถมหุ้นบลูชิพยังมาโดนรุมโทรมตลอดเวลา
ไม่น่าเชื่อว่า ตลาดหุ้นไทยจะพลิกจาก “หน้ามือเป็นหลังเท้า” ในระยะเวลาแค่ 2 สัปดาห์ แถมหุ้นบลูชิพยังมาโดนรุมโทรมตลอดเวลา บรรยากาศลงทุนเลยดูแย่สุด ๆ จนบางคนถึงกับเอ่ยปากในทำนองที่ว่า ยังมีที่แย่กว่าให้เห็นอีกแน่นอน! เพราะปัญหาเรื่องเงินเฟ้อจะกลับมาหลอกหลอนอีกครั้ง หลังราคาน้ำมันพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นแรงกดดันให้นักลงทุนทิ้งหุ้นเพื่อลดความเสี่ยงกันอีกครั้งนะจ๊ะ
สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ทุกคนเชื่อว่า จะมีการงัดมาตรการขึ้นดอกเบี้ยมาแก้ปัญหาเงินเฟ้อ ซึ่งจะเป็นแรงบีบคั้นให้นักลงทุนสถาบันเทขายหุ้นออกมาเป็นระลอก และจะมีการโยกเงินไปพักไว้ที่ตลาดเงินจำนวนมาก ขณะเดียวกันก็จะเห็นเงินไหลออกจำนวนมหาศาล โดยเรื่องนี้ดูได้จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าทะลุ 36 บาทไปแล้ว และทำท่าจะอ่อนค่าต่อไปเรื่อย ๆ เพราะทุกคนมองไปในทางเดียวกันว่า เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอีกน่ะซี
เรื่องราวทั้งหมดล้วนเป็นปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนตลาดหุ้นทั่วโลก “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่นักลงทุนบางกลุ่มเริ่มเปรย ๆ ในทำนองต้องการล้างพอร์ต หลังเห็นเค้าลางเศรษฐกิจชะลอตัวตั้งเค้ามาตั้งแต่ไก่โห่ โดยแรงกดดันดังกล่าวจะทำให้ผลงานของบริษัทจดทะเบียนพลาดเป้าเอาง่าย ๆ และความกังวลดังกล่าวก็นำมาสู่การขายหุ้นทิ้งอุตลุด วานนี้ถึงเห็นดัชนีลงมาปิดที่ระดับ 1,507.90 จุด ลบไป 15.06 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.44 หมื่นล้านบาทไงล่ะคะ
โดยเฉพาะในรายของ PTTGC ทำท่าจะฟื้นตัวขึ้นมาได้สักหน่อย ก็มาเจอสารพันปัญหาถาโถมเข้าใส่ไม่ยั้ง หุ้นเลยไหลลงมายืนปิดที่ระดับ 33.50 บาท ลบไป 1.50 บาท หรือลงไป 4.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.03 พันล้านบาท พร้อมกับทำราคาต่ำสุดในรอบ 3 ปีครึ่ง ท่ามกลางความกังวลจะกลับมาขาดทุนแบบนี้ “โมนิก้า” ถือเป็นประเด็นที่ทำให้ราคาหุ้นอยู่ในภาวะถดถอยไปอีกนาน และเป็นแรงกดดันที่ทำให้นักเล่นต้องยอมคัตลอสเจ้าค่ะ
เช่นเดียวกับในรายของปูนใหญ่ SCC ซึ่งทำท่าเหมือนจะดีขึ้นในช่วงระยะเวลาหนึ่ง แต่สุดท้ายก็มาดันเจอต้นทุนพลังงานเล่นงานเข้าอีกรอบแบบนี้ ทุกคนรู้ได้ทันทีว่า ปีนี้ผลงานไม่ตามเป้าอย่างแน่นอน ผนวกกับ “ฝรั่ง” กับ “กองทุน” อยู่ในช่วงลดพอร์ตหุ้นพอดี เดี๊ยนเลยสังหรณ์ใจว่า แนวรับเก่าบริเวณ 300 บาทจะเอาไม่อยู่! หลังหุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 303 บาท ลบไป 3 บาท หรือลงไป 1% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 970 ล้านบาทนะคะ
อีกรายที่หนักเกินเยียวยา เพราะกองทุนไม่อิน ต่างชาติไม่เอา รายใหญ่ขอผ่าน “โมนิก้า” ขอมองไปที่หุ้น OR หลังเซถลาลงมาปิดที่ระดับ 18.80 บาท ลบไป 0.60 บาท หรือลงไป 3.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 870 ล้านบาท พร้อมกับทำ all time low มันเป็นภาพที่ชี้ให้เห็นถึงความกังวลในหลายเรื่องด้วยกัน และบทสรุปเบื้องต้นของเรื่องนี้ก็อยู่ที่ ผลงานไตรมาส 3 จะออกมา “ดีกว่าคาด” หรือ “ต่ำกว่าคาด” หลังคนโฟกัสแค่เรื่องลดราคาน้ำมันพะย่ะค่ะ
คล้ายกับสถานการณ์ของ AWC ก็ไหลลงแบบไม่มีดิสเบรก จนมองไม่เห็นจุดกลับตัวอยู่ตรงไหน? ก็กลายเป็นเกมหุ้นขาลงแบบเต็มตัว และสิ่งที่จะได้เห็นจากเคสนี้ก็คือ รีบาวด์แล้วลงต่อ แถมทุกคนเคยเห็นช่วงแย่ ๆ ของหุ้นตัวนี้เทรดกันที่บริเวณ 3 บาท หรือดีขึ้นมาหน่อยก็อยู่แถว 3.50 บาท “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักเล่นประเมินกันว่า การยืนปิดที่ระดับ 3.94 บาท ลบไป 0.06 บาท หรือลงไป 1.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 338 ล้านบาท เสี่ยงแค่ไหน?
ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้นขายหมูขายไก่อย่าง CPF เพื่อชี้ให้เห็นว่า แรงขายที่ออกมาหนัก ๆ สองวันติด มันทำให้คนเล่นเกิดอาการฝ่ออย่างเห็นได้ชัด จึงมีสิทธิ์เห็นหุ้นลงไปกองอยู่ที่ 19 บาทเป็นครั้งที่ 3 ผนวกกับสถานการณ์ของตลาดหุ้นไม่ดีเอาเสียเลย (แถมโดนการเมืองสั่งให้ลดราคาหมูไก่เข้าอีกดอก) เดี๊ยนเลยมองว่า การยืนปิดที่ระดับ 20.20 บาท ลบไป 0.80 บาท หรือลงไป 3.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 825 ล้านบาทไม่น่าไว้ใจน่ะซี
ขนาดหุ้นการเมืองที่แข็ง ๆ และมีคนคอยคุมเกมหุ้นอย่าง STEC ยังแทบเอาตัวไม่รอดแบบนี้ “โมนิก้า” ย่อมมองเป็นจังหวะที่ต้องชิ่งหนีให้ไว เพราะในมุมของบรรยากาศมันไม่เอื้อเลยสักนิด และสตอรี่ใหม่ ๆ ที่จะเข้ามาบิ้วอารมณ์ก็ไม่ขลังเหมือนเก่า จึงต้องมาเซตเกมเล่นใหม่อีกครั้ง แถมหลายคนเคยเห็นฐานเก่าที่เล่นอยู่บริเวณ 8 บาทเสียด้วย เดี๊ยนเลยมองว่า การยืนปิดที่ระดับ 9.75 บาท ลบไป 0.55 บาท หรือลงไป 5.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 344 ล้านบาท มีดาวน์ไซด์สูงนะตัวเอง