ไม่ไหว..อย่าฝืน
หากดูแพทเทิร์นการเคลื่อนตัวของดัชนีในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาจะเห็นว่า การขยับตัวของดัชนียังอยู่ในกรอบ 1,500-1,580 จุดเป็นส่วนใหญ่
หากดูแพทเทิร์นการเคลื่อนตัวของดัชนีในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาจะเห็นว่า การขยับตัวของดัชนียังอยู่ในกรอบ 1,500-1,580 จุดเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็มีบางครั้งที่ไหลลงไปถึงระดับ 1,460 จุด และตอนนั้นก็เป็นช่วงที่ตลาดหุ้นไทยโดนปัจจัยลบรุมกระหน่ำอย่างหนัก พอประเด็นร้อนเริ่มคลี่คลายไปทีละเปลาะ ดัชนีก็วิ่งกลับขึ้นมายืนเตาะแตะที่บริเวณ 1,500 จุดอีกครั้ง และมีลุ้นเห็นดัชนีวิ่งขึ้นไปยืนเหนือระดับ 1,600 จุดนะจะบอกให้
ที่น่าสนใจคือเหตุการณ์ในลักษณะข้างต้นเกิดขึ้นมาทั้งหมด 3 รอบ เพียงแต่เที่ยวนี้มีอะไรที่หนักกว่าหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง “ดอกเบี้ย น้ำมัน เงินเฟ้อ ทุนไหลออก” หรือแม้กระทั่งความกังวลที่มีต่อเศรษฐกิจในประเทศ ล้วนเป็นสถานการณ์ที่ทำให้หุ้นไทยไปต่อลำบากจริง ๆ แถมวอลุ่มเทรดก็ไม่หนาแน่นเหมือนเมื่อก่อน ส่งผลให้การฟื้นตัวในแต่ละรอบเป็นเพียงแค่การเด้งสั้น ๆ เจ้าค่ะ
ข้อมูลทั้งหมดเหล่านี้เป็นเรื่องจริงที่ยากจะปฏิเสธ และไม่มีความจำเป็นต้องทำตัวเป็นพวกโลกสวย เพราะเป็นการพาตัวเองไปลงเหวโดยไม่มีความจำเป็น ซึ่งเรื่องนี้พิสูจน์ได้จากอาการของดัชนีที่กวัดแกว่งตั้งแต่เปิดเทรด แต่สุดท้ายยืนปิดที่ระดับ 1,514.26 จุด บวกไป 6.36 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.23 หมื่นล้านบาท คือภาพสะท้อนความไม่มั่นใจยังมีอยู่เป็นระยะ และแสดงออกด้วยการขายหุ้นเมื่อยกตัวสูงขึ้นไงล่ะคะ
งานนี้ใครจะหาว่า “โมนิก้า” เป็นพวกมองโลกในแง่ร้ายก็ช่างปะไร! เพราะมันคือความจริงที่ทุกคนต้องเปิดใจรับฟัง ซึ่งเหมือนกับเหตุการณ์ SCGP โงหัวไม่ขึ้น ล้วนมาจากความกังวลว่า กำไรไม่มาตามนัด และต้นทุนพลังงานอาจสร้างปัญหาให้อีกรอบ ราคาหุ้นถึงขยับขึ้นไม่ได้สักที! เดี๊ยนถึงไม่แน่ใจว่า การยืนปิดที่ระดับ 40.50 บาท บวกไป 1.50 บาท หรือขึ้นไป 3.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 851 ล้านบาท น่าเล่นต่อน่ะซี
ขนาดหุ้น EA มีสตอรี่ดี ๆ คอยซัพพอร์ต ก็ยังโดนขายไม่หยุด ส่งผลให้ราคาหุ้นร่วงจาก 65 บาทลงมาเรื่อย ๆ จนวานนี้ยืนปิดที่ระดับ 55.75 บาท ลบไป 0.25 บาท หรือลงไป 0.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 960 ล้านบาท ซึ่งเป็นบริเวณที่ใกล้กับโลว์เก่าครั้งก่อนแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องของบรรยากาศที่ไม่เอื้อให้เล่นหุ้น จึงต้องปล่อยไปตามสถานการณ์ และคอยดูห่าง ๆ สักพักจะดีกว่านะคะ
เช่นเดียวกับในรายของ HMPRO ที่ว่าแน่ ๆ แข็ง ๆ เจ๋ง ๆ ยังถูกกดันจากเรื่องผลงานอาจไม่เป็นไปตามเป้า ผนวกกับกำลังซื้อของประชาชนลดลง และยังมีเรื่องขอขึ้นค่าแรงเข้ามาเกี่ยวข้อง ราคาหุ้นก็เลยทำ “โลว์แล้ว โลว์อีก” จนวานนี้ลงมายืนปิดที่ระดับ 12.90 บาท ลบไป 0.10 บาท หรือลงไป 0.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 645 ล้านบาท เลยกลายเป็นจังหวะที่นักเล่นควรถอยห่างออกมาก่อนก็เท่านั้นเอง!
ส่วนรายที่เหมือนจะมีแรงฮึด แต่ก็ฮึดได้ไม่นาน “โมนิก้า” ขอมองไปที่หุ้น SNNP ซึ่งพยายามตีตื้นขึ้นรอบใหม่ ก่อนจะยืนปิดที่ระดับ 20.90 บาท บวกไป 0.20 บาท หรือขึ้นไป 1% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 52 ล้านบาท อาจเป็นภาพที่ดูดีในระยะสั้นก็จริง แต่ในมุมของการเล่นยาว ๆ ต้องยอมรับว่า วอลุ่มที่เข้ามาเล่นเพียงเท่านี้ มันไม่พอที่จะทำให้หุ้นแรลลี่ จึงต้องรอให้สถานการณ์รอบด้านนิ่งกว่านี้อีกนิดนะออเจ้า
ขนาดหุ้นที่สามารถกรุยทางมาดี และผลงานมีแนวโน้มดีขึ้นอย่าง TLI ก็ยังถูกสกัดจากบรรยากาศการลงทุนไม่เป็นใจ “โมนิก้า” เลยมองว่า การประคองตัวอยู่ที่บริเวณ 13 บาทร่วมสัปดาห์ น่าจะเป็นอะไรที่วิเศษสุดๆ เพราะในช่วงเวลาเดียวกันนั้น หุ้นบลูชิพส่วนใหญ่โดนตบร่วงกันเป็นแถว เดี๊ยนถึงเชื่อว่า การยืนปิดที่ระดับ 12.90 บาท ลบไป 0.20 บาท หรือลงไป 1.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 163 ล้านบาท กำลังมีคนทยอยเก็บของนะจ๊ะ
ตบท้ายกันที่หุ้นน้ำแข็งใส AU หลังแมงลือแอบกระซิบถามว่า หุ้นตัวนี้ยังมีอนาคตไหม? เดี๊ยนเลยตอบไปว่า ยังมีอนาคตแน่นอน! แต่จะสดใสเหมือนเมื่อก่อนหรือเปล่า? อันนี้ต้องดูกันต่อไปเรื่อย ๆ เพราะเมื่อดูจากการเทรดบนค่า PE 58 เท่า มันทำให้การขึ้นของหุ้นค่อนข้างลำบาก ยกเว้นก๊วนที่เล่นกันเป็นประจำรับเป็นเจ้าภาพ ก็อาจทำให้การยืนปิดที่ 10.60 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 19 ล้านบาท เป็นฐานของการเล่นรอบใหม่..อิอิอิ