SHR ครึ่งปีหลังเปล่งรัศมี
หลังจากสถานการณ์คลี่คลาย ผลการดำเนินงานของ SHR ก็ฟื้นตัวขึ้นตามลำดับ เริ่มจากไตรมาส 1/2566 พลิกมามีกำไรสุทธิ 124.88 ล้านบาท
คุณค่าบริษัท
หลังจากบริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SHR บริษัทในเครือสิงห์ เอสเตท ซึ่งประกอบธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ตทั้งในประเทศและต่างประเทศ บาดเจ็บหนักจากวิกฤตโควิด สะท้อนได้จากผลการดำเนินงานในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาขาดทุนต่อเนื่อง โดยปี 2563 มีรายได้รวม 2,215.68 ล้านบาท ขาดทุน 2,370.67 ล้านบาท ปี 2564 มีรายได้รวม 4,689.55 ล้านบาท ขาดทุน 1,234.22 ล้านบาท และปี 2565 มีรายได้รวม 8,824.29 ล้านบาท มีกำไร 14.38 ล้านบาท
แต่หลังจากสถานการณ์คลี่คลาย ผลการดำเนินงานของ SHR ก็ฟื้นตัวขึ้นตามลำดับ เริ่มจากไตรมาส 1/2566 พลิกมามีกำไรสุทธิ 124.88 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2565 ที่ขาดทุนสุทธิ 204.08 ล้านบาท และมีรายได้จากการขายและให้บริการ 2,544.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50.6% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2565 ที่มีรายได้จากการขายและให้บริการ 1,689.60 ล้านบาท
นับเป็นการรายงานกำไรสุทธิไตรมาสที่ 3 ติดต่อกัน ตอกย้ำถึงภาพการฟื้นตัวสู่ภาวะปกติของภาคการท่องเที่ยว
น่าเสียดายที่ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2566 กลับมาขาดทุนอีกครั้ง โดยมีผลขาดทุนอยู่ที่ 117.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2565 ที่ขาดทุนสุทธิ 96.87 ล้านบาท เนื่องจากถูกกดดันด้วยค่าเสื่อมราคาและต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับต้องปิดโรงแรม เอาท์ริกเกอร์ มอริเชียส บีช รีสอร์ท ตามคำสั่งของรัฐบาลสาธารณรัฐมอริเชียสในช่วงไตรมาส 2/2566 โดยในไตรมาสนี้มีรายได้จากการให้บริการ 2,277 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่ ผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรกปี 2566 พลิกมามีกำไรสุทธิ 7.65 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 300.96 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการให้บริการ 4,821.00 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารมั่นใจว่าภาพรวมผลการดำเนินงานครึ่งหลังปี 2566 จะเติบโตกว่าช่วงครึ่งปีแรก รับปัจจัยบวกจากการเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจโรงแรมในสหราชอาณาจักร (UK) ซึ่งมีสัดส่วนรายได้มากถึง 40% ของรายได้รวม และสาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิ หลังมีการปรับปรุงโรงแรมในหมู่เกาะฟิจิ ส่งผลทำให้อัตราค่าห้องพักเฉลี่ยรายวัน (ADR) เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ ช่วยหนุนผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2566 ให้เติบโต
ขณะที่ ในไตรมาส 4/2566 จะเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยวของไทย และสาธารณรัฐมัลดีฟส์ ประกอบกับโรงแรม เอาท์ริกเกอร์ มอริเชียส บีช รีสอร์ท ในสาธารณรัฐมอริเชียส จะกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง หลังจากปิดปรับปรุงในไตรมาส 2-3/2566 ซึ่งจะส่งผลให้ช่วงไตรมาส 4/2566 จะเป็นไตรมาสที่เติบโตสูงสุดของปี
โดยในปี 2566 มั่นใจรายได้รวมมีโอกาสเติบโตเกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ระดับ 10,000 ล้านบาท และจะรักษาอัตรากำไรขั้นต้น (ไม่รวมค่าเสื่อมราคา) ไว้ที่ระดับ 45-50% และมี EBITDA Margin (อัตรากำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย) ที่ระดับ 25-27%
ด้านบล.ฟินันเซีย ไซรัส คาดว่าผลประกอบการในไตรมาส 3/2566 ของ SHR จะปรับตัวดีขึ้นจากโรงแรมใน UK และฟิจิ อย่างไรก็ดี SHR น่าจะยังรายงานผลขาดทุน (ที่ลดลงจากไตรมาสก่อน) ก่อนจะพลิกมามีกำไรในไตรมาส 4/2566 เมื่อผลประกอบการของพอร์ตในมัลดีฟส์ฟื้นตัว
สำหรับการประเมินมูลค่า (Valuation) ปัจจุบันราคาหุ้น SHR ซื้อขายกันที่ P/E ระดับ 31.82 เท่า เทียบกับ P/E ตลาดโดยรวมที่ระดับ 21.36 เท่า ถือว่าราคาซื้อขายสูงกว่าตลาด สอดคล้องกับ P/BV ที่ระดับ 0.62 เท่า ก็สูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ส่วนใหญ่ P/BV จะอยู่ที่ระดับ 1.51 เท่า โดยมีราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 3.81 บาท จากราคาต่ำสุด 3.00 บาท และราคาสูงสุด 4.80 บาท