มองอนาคต BA ครึ่งปีหลัง
ชั่วโมงนี้สายการบินที่น่าจับตามองคงหนีไม่พ้น BA ของกลุ่ม “ปราสาททองโอสถ” เพราะมีพัฒนาการมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เปิดประเทศ
เส้นทางนักลงทุน
ชั่วโมงนี้สายการบินที่น่าจับตามองคงหนีไม่พ้น บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA ของกลุ่ม “ปราสาททองโอสถ” เพราะมีพัฒนาการมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เปิดประเทศ เห็นได้ชัดจากงบการเงินตั้งแต่ปี 2563-2565 ซึ่งอยู่ในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด บริษัทขาดทุนสุทธิ 5,283.18 ล้านบาท, 8,549.86 ล้านบาท และ 2,110.18 ล้านบาท ตามลำดับ แต่ในงวด 6 เดือนแรกปีนี้ ผลประกอบการดีขึ้นอย่างมาก มีกำไรสุทธิ 1,544.81 ล้านบาท โดยเฉพาะในไตรมาส 2 ปี 2566 มีกำไรดีที่สุดในรอบ 7-8 ปีที่ผ่านมา ทั้งที่เป็นช่วงโลว์ซีซั่น (low season)
การฟื้นตัวของ BA ถูกตอกย้ำโดยผู้บริหาร เมื่อ “พุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ” กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ออกมาประกาศปรับเป้าหมายผลการดำเนินงานปี 2566 ใหม่ โดยเพิ่มเป้ารายได้เป็น 16,000 ล้านบาท จากเป้าเดิม 15,000 ล้านบาท มีอัตราส่วนบรรทุกผู้โดยสาร (Load factor) เฉลี่ยเพิ่มเป็น 78% จากเป้าเดิม 76% และราคาตั๋วเฉลี่ยปรับใหม่เป็นเฉลี่ย 3,700 บาท/เที่ยว จากเดิมวางเป้าที่ 3,400 บาท แต่ยังคงเป้าหมายจำนวนผู้โดยสารปีนี้ที่ 4.4 ล้านคน และเที่ยวบิน 48,000 เที่ยว
โดยเฉพาะในครึ่งหลังปีนี้ ซึ่งเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว และบริษัทเพิ่งเปิดเส้นทางบินใหม่ ลำปาง-แม่ฮ่องสอน เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา รวมทั้งยังมีแผนจะเปิดเส้นทางบินใหม่ ดอนเมือง-สมุย เริ่มบินในวันที่ 29 ตุลาคมนี้อีกด้วย
BA เตรียมแผนที่จะขยายฝูงบินเพื่อมารองรับการขยายเส้นทางบินหรือเพิ่มเที่ยวบิน โดยจะรับมอบเครื่องบินแอร์บัส A320 จำนวน 2 ลำ ในต้นปี 2567 และวางแผนในช่วง 3-5 ปี จะเพิ่มฝูงบินเป็นกว่า 30 ลำ จากปัจจุบันมีฝูงบิน 27 ลำ
ยิ่ง BA มีแผนจะล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่ 13,720 ล้านบาท (ณ สิ้น 30 มิถุนายน 2566) ให้หมดภายใน 2-3 ปี เบื้องต้นจะเสนอผู้ถือหุ้นในการประชุมวันที่ 28 กันยายนนี้ BA มีส่วนเกินมูลค่าหุ้น 9,219 ล้านบาท และสำรองตามกฎหมาย 210 ล้านบาท เมื่อนำทั้ง 2 ส่วนมาหักกลบ ทำให้ขาดทุนสะสมจะลดลงเหลือ 4,291 ล้านบาท
ผู้บริหารมั่นใจว่านับจากนี้บริษัทจะมีกำไร และผลการดำเนินงานปี 2566 มีอัพไซด์ (Upside) จากการใช้สิทธิประโยชน์ Tax loss carry forward ที่ยังเหลืออยู่ในไตรมาส 2 จึงขึ้นอยู่กับนโยบายบริษัทว่าจะมีการขายเงินลงทุนและใช้สิทธิประโยชน์ Tax loss carry forward อีกหรือไม่ในช่วงที่เหลือของปีนี้
นอกจากนี้ การที่บมจ.ท่าอากาศยานไทย หรือ ทอท. หรือ AOT อยู่ระหว่างเตรียมขอหน่วยงานรัฐขึ้นค่าธรรมเนียมผู้โดยสาร (PSC) เพื่อให้สะท้อนต้นทุนสนามบินที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากมีการขยายการลงทุน ในส่วนของ BA ก็เตรียมขอขึ้นค่า PSC ด้วยเช่นกัน จากปัจจุบันสนามบินสมุยเก็บค่า PSC ผู้โดยสารในประเทศ 300บาท/คน และผู้โดยสารระหว่างประเทศ 700 บาท/คน
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี ประเมินว่า BA ยังมีกำไรจากเงินลงทุนที่ถืออยู่ ที่สามารถขายเพื่อใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีได้อีก และผลการดำเนินงานมี Upside จากการปรับขึ้นค่า PSC หากขึ้น 100 บาท/คน จะคิดเป็นกำไรส่วนเพิ่มต่อ BA ราว 200-300 ล้านบาท/ปี ภายใต้สมมติฐานสนามบินสมุยมีผู้โดยสารราว 2-3 ล้านคน/ปี
และมองว่าผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง ระยะสั้นคาดงวดไตรมาส 3 ปีนี้ แข็งแกร่ง กำไรสุทธิอยู่ที่ 614 ล้านบาท ฟื้นจากปีก่อนขาดทุน 393 ล้านบาท แต่ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าที่มีรายได้ภาษีบวกกลับ 230 ล้านบาท เนื่องจากเข้าสู่ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว หรือ High season การเดินทางท่องเที่ยวเกาะสมุย
บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) เป็นอีกหนึ่งโบรกเกอร์ที่สนับสนุนว่าครึ่งหลังปีนี้ BA แนวโน้มดี โดยรายได้จากเกาะสมุย (เข้า-ออก) มีสัดส่วนที่ 62% ในช่วงครึ่งปีแรก ดังนั้นเมื่อเข้าสู่ high season จะทำให้ผู้โดยสารเพิ่มขึ้น และราคาตั๋วเข้า-ออกเกาะสมุยมีราคาสูง
แม้ในช่วงไตรมาสที่ 4 จะกลับมาเป็น low season ของเกาะสมุย แต่จะเป็น high season ของบริเวณอื่นที่เข้ามาช่วยชดเชยได้ส่วนหนึ่ง
รวมทั้ง BA มีการเปิดเส้นทางบินใหม่ กรุงเทพฯ-มัลดีฟส์ (13 ก.ค.), สมุย-ฮ่องกง (23 ก.ค.), ลำปาง-แม่ฮ่องสอน (23 ส.ค.) และ สมุย-ดอนเมือง (23 ต.ค.) รวมถึงอยู่ระหว่างรอการอนุมัติจากทางการจีนในเส้นทางสมุย-ฉงชิ่ง, สมุย-เฉิงตู และบางเส้นทางในปัจจุบันก็มีการเพิ่มเที่ยวบิน
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี แนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย ปี 2567 ไว้ที่ 20.50 บาท เทียบเท่า 21 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 25 เท่า ประกอบด้วยมูลค่ากระแสเงินสดสุทธิจากธุรกิจหลัก 3.50 บาท มูลค่าเงินลงทุนในหุ้น BDMS 15.06 บาท BAFS 0.90 บาท และ BAREIT 0.99 บาท
ส่วนบริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) ปรับคาดการณ์กำไรขึ้นจากเดิม 56% เป็น 2,287 ล้านบาท ปรับราคาพื้นฐานเป็น 20 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”
เมื่อมีการส่งสัญญาณเช่นนี้ ย่อมชี้ว่าอนาคต BA ครึ่งหลังปี 2566 น่าจะสดใส