KLINIQ เสริมความงาม หนุนกำไร!
KLINIQ เติบโตโดดเด่น สะท้อนได้จากงบปี 2564 มีกำไรสุทธิ 129.26 ล้านบาท จากรายได้รวม 952.14 ล้านบาท ปี 2565 มีกำไรสุทธิ 205.49 ล้านบาท
คุณค่าบริษัท
ด้วยกระแสความนิยมการทำศัลยกรรม หนุนให้ธุรกิจเสริมความงามยังเป็นเทรนด์ที่มาแรง และเป็นอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตสูง ช่วยหนุนผลประกอบการของบริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ KLINIQ เติบโตโดดเด่น สะท้อนได้จากงบปี 2564 มีกำไรสุทธิ 129.26 ล้านบาท จากรายได้รวม 952.14 ล้านบาท ปี 2565 มีกำไรสุทธิ 205.49 ล้านบาท จากรายได้รวม 1,647.20 ล้านบาท
ล่าสุดงบไตรมาส 2/2566 ฟาดกำไรสุทธิ 70.65 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 54.60 ล้านบาท และมีรายได้จากการขายและบริการ 539.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขายและบริการ 382.98 ล้านบาท
ตามการเพิ่มจำนวนของสาขา การเพิ่มบริการที่ครอบคลุมความต้องการของคนไข้มากขึ้น และการเข้าใช้บริการที่เพิ่มขึ้น การทำการตลาดที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย ทำให้คนไข้รู้จักและเข้าถึงแบรนด์ได้มากขึ้น อีกทั้งการเดินทางของนักทองเที่ยวที่เพิ่มขึ้น และการเดินทางระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้นทำให้ลูกค้าต่างชาติเข้าใช้บริการเพิ่มขึ้น ส่งผลให้งวด 6 เดือนแรกของปี 2566 มีกำไรสุทธิ 139.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 100 ล้านบาท
โดยในช่วง 6 เดือนแรกที่ผ่านมา บริษัทมีการทยอยเปิดสาขาใหม่ต่อเนื่องรวม 5 สาขา ทำให้ ณ ปัจจุบันมีสาขารวมแล้ว 46 สาขา จาก ณ สิ้นปี 2565 มี 41 สาขาทั่วประเทศ ส่วนในช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทจะทยอยเปิดสาขาให้ครบตามแผนงานที่วางไว้ 6-10 สาขา
ขณะที่ เป้าหมายของ KLINIQ ตั้งเป้าผลักดันรายได้จากการขายและการให้บริการรักษาพยาบาลเติบโต 2 หลักทุกปี ซึ่งจะช่วยให้ภาพรวมรายได้ทั้งปี 2566 เติบโตได้ดีกว่าปี 2565 ที่มีรายได้รวม 1,647.20 ล้านบาท
บล.คิงส์ฟอร์ด ระบุว่า ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ทาง KLINIQ จะมีการเปิดสาขาเพิ่มอีก 5 สาขา ช่วยหนุนรายได้ในระยะถัดไป ซึ่งนอกจากสาขาที่เปิดใหม่แล้ว ปัจจัยหนุนการเติบโตที่ชอบประเด็นถัดไปจะมาจากศูนย์ศัลยกรรมที่ยังมี capacity ในการรองรับผู้ใช้บริการได้อีกมาก โดยช่วงต้นปี 2566 occ. rate อยู่ที่ราว 20-30% คาดว่าภายในสิ้นปี occ. rate มีโอกาสขยับขึ้นไปที่ระดับ 50-60%
ทั้งนี้ มีการปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 และปี 2567 ขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 280 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36.14% และ 357 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.56% ตามลำดับ
สอดคล้องกับบล.โกลเบล็ก ระบุว่า มีมุมมองเชิงบวกต่อผลการดำเนินงานปี 2566 ของ KLINIQ เนื่องจากยังเห็นการเติบโตต่อเนื่องของรายได้ของทั้งแบรนด์ Kliniqe,L.A.B.X และศูนย์ศัลยกรรม รวมถึงการเติบโตจากการขยายสาขาของ L.A.B.X โดย Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 2566 เฉลี่ย 284 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39% จากปีก่อน
สำหรับการประเมินมูลค่า (Valuation) ปัจจุบันราคาหุ้น KLINIQ ซื้อขายกันที่ P/E ระดับ 32.10 เท่า เทียบกับ P/E ตลาดโดยรวมที่ระดับ 20.83 เท่า ถือว่าราคาซื้อขายสูงกว่าตลาด สอดคล้องกับ P/BV ที่ระดับ 4.69 เท่า ก็สูงกว่าค่าเฉลี่ยตลาดที่ปัจจุบันซื้อขาย P/BV เฉลี่ยที่ 1.47 เท่า