BGRIM ก้าวใหม่ไฟสะอาด.!
กลายเป็นหุ้นที่อยู่ในเรดาร์ของนักลงทุนมากขึ้น หลังจาก บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ หรือ BGRIM มีการปรับโครงสร้างธุรกิจ โดยเฉพาะพอร์ตไฟฟ้า
กลายเป็นหุ้นที่อยู่ในเรดาร์ของนักลงทุนมากขึ้น หลังจากบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM มีการปรับโครงสร้างธุรกิจ โดยเฉพาะพอร์ตไฟฟ้า ทั้งในเรื่องการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน หรืออินฟราสตรักเจอร์ ฟันด์ ซึ่งไม่ถูกปฏิเสธแต่อย่างใด เพียงแค่เป็นการเริ่มต้นในการศึกษาเท่านั้น…
สอดรับกับ “มร.ฮาราลด์ ลิงค์” ที่แจ้งข่าวว่า “เรื่องดังกล่าวยังมีความไม่แน่นอน ซึ่งในปัจจุบันบริษัทได้ดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในนิคมอุตสาหกรรม โดยมุ่งเน้นความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ และยังคงมองหาพันธมิตรใหม่เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน และเป็นไปตามกลยุทธ์ของบริษัท”
ที่น่าสนใจ ด้วยโลกหันมาให้ความสำคัญกับการมุ่งแก้ปัญหาโลกร้อน ทำให้พลังงานสะอาดเข้ามามีบทบาทมากขึ้น โรงไฟฟ้าทั่วโลกจึงต้องปรับตัว ซึ่ง BGRIM ก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่ต้องหันมาโฟกัสพลังงานทดแทนให้มากขึ้น เพื่อให้สอดรับกับเทรนด์ของโลก…
สิ่งที่ตามมา ความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินลงทุนก้อนโต ซึ่งทางเลือกของ BGRIM ก็มีหลายแนวทาง ไล่มาตั้งแต่การนำบริษัทลูกเข้าจดทะเบียนในตะลาดหลักทรัพย์ฯ การออกหุ้นกู้ชั่วนิรันดร์ รวมทั้งการหาพันธมิตรมาร่วมลงทุน แต่แนวทางที่ถูกพูดถึงมากสุดในขณะนี้ เห็นจะเป็นการตั้งอินฟราฯ ฟันด์..!!
ซึ่งหากมีการตั้งอินฟราฯ ฟันด์ มีการขายสินทรัพย์ ขายโรงไฟฟ้าเข้ากองทุน เม็ดเงินที่ได้คงนำไป 1)ปรับโครงสร้างทางการเงิน จ่ายหนี้จ่ายสิน…
และ 2)ใช้เป็นเงินทุน ซึ่งทิศทางที่จะไปเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในต่างประเทศเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นที่ประเทศเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น เวียดนาม กัมพูชา ฟิลิปปินส์ ลาว อิตาลี กรีซ สหรัฐอเมริกา สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และซาอุดีอาระเบีย ซึ่งอยู่ในไปป์ไลน์ที่จะขยาย…
โดยมีเป้าหมายที่ต้องพุ่งชนอีก 7 ปีข้างหน้า หรือภายในปี 2573 จะเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 10,000 เมกะวัตต์..!! จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตที่เดินเครื่องผลิตแล้วอยู่ที่ 3,700 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ 2,664 เมกะวัตต์ หรือสัดส่วน 72% และโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน 1,036 เมกะวัตต์ หรือสัดส่วน 28%
นั่นหมายถึง การรุกสู่โรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนก็จะมากขึ้น
ส่วนการตั้งอินฟราฯ ฟันด์ หากเกิดขึ้นจริง จะทำให้ BGRIM ไม่ต้องไปเพิ่มทุน เท่ากับว่าไม่ต้องไปรบกวนเงินในกระเป๋าของผู้ถือหุ้นนั่นเอง
และที่สำคัญจะไม่กระทบต่อ EPS (กำไรต่อหุ้น) ด้วยนะเธอ…
แล้วถ้ามองระยะยาว ด้วยพอร์ตโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนที่มากขึ้น ต่อไปต้นทุนก็น่าจะลดลง ทำให้มาร์จิ้นสูงขึ้น เมื่อเทียบกับโรงไฟฟ้าแบบดั้งเดิม
ก็น่าจับตาว่า BGRIM ก้าวใหม่ไฟสะอาด..!? จะเร้าใจแค่ไหน..?
แต่น่าเสียดายที่ช่วงนี้ พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก จากนโยบายภาครัฐ โดยเฉพาะการปรับลดค่าไฟฟ้า หรือค่า Ft งวด ก.ย.-ธ.ค. 2566 ให้เหลือหน่วยละ 3.99 บาท (จากเดิมเรียกเก็บอัตรา 4.45 บาทต่อหน่วย) กลายเป็นปัจจัยเชิงลบที่ขย่มราคาหุ้นต่อเนื่อง..?
ทำให้แม้จะมีเรื่องราวดี ๆ แต่หุ้นก็ไม่ตอบรับเอาซะเลย..?
แหม๊..เสียของจริง ๆ พับผ่าสิ..!!
…อิ อิ อิ…