ขายก่อนดีสุด

ประเด็นที่ยังรบกวนจิตใจ “โมนิก้า” ในช่วงที่ผ่านมายังอยู่ที่เรื่องของ “ดอกเบี้ย” และ “เงินบาท” ซึ่งเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบทางลบต่อตลาดหุ้นไทยโดยตรง


ประเด็นที่ยังรบกวนจิตใจ “โมนิก้า” ในช่วงที่ผ่านมายังอยู่ที่เรื่องของ “ดอกเบี้ย” และ “เงินบาท” ซึ่งเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบทางลบต่อตลาดหุ้นไทยโดยตรง และตราบใดที่เรื่องดังกล่าวยังไม่คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น ก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องเอาตัวเข้าไปเสี่ยง เพราะมันเห็นกันทนโท่ว่า การดีดตัวของดัชนีในช่วงปลายสัปดาห์ก่อน มันไม่ต่างอะไรไปจากคำพูดที่ว่า “dead cat” ไงล่ะคะ

สถานการณ์ดังกล่าวบีบให้เดี๊ยนต้องตั้งคำถามกับแฟนคลับว่า อาการกวัดแกว่งในแดนลบตั้งแต่เปิดเทรด ก่อนจะยืนปิดที่ระดับ 1,507.36 จุด ลบไป 15.23 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.21 หมื่นล้านบาท มันเป็นโมเมนตัมที่รับได้จริงเหรอ! รวมทั้งแรงกดดันที่มาจากตลาดหุ้นต่างประเทศแดงแป๊ดแป๋ แต่ตลาดหุ้นไทยกลับพยายามสวนกระแสขึ้นมายืนปิดเขียวอ่อน ๆ มันเป็นเรื่องที่เหมาะต่อการแสดงความ “ยินดี” หรือทำให้นักเล่นรู้สึก “เสียวไส้” มากกว่ากันจ๊ะ!

นี่ยังไม่นับรวมเรื่องทุนไหลออกเข้ามาเพิ่มเติม และยังไม่ได้พูดถึงความกังวลที่มีต่อรัฐบาล “เสี่ยนิด” ที่กำลังจะก่อหนี้ก้อนโตในอนาคต ก็แทบจะทำให้ “โมนิก้า” เกิดอาการสติแตกขึ้นมาได้ทุกเมื่อ เพราะทุกครั้งที่เห็นดัชนีดีดตัวแรงท่ามกลางปัจจัยลบยังมีอยู่เพียบ มันชวนให้คิดไปเองว่า พวกสถาบันลากไปออกของทุกที และเดี๊ยนไม่สามารถนำความคิดตรงนี้ออกจากหัวสมองไปได้เจ้าค่ะ

คล้ายกับสถานการณ์ของเสือนอนกินอย่าง AOT ที่ถูกรินขายหุ้นออกมาทุกวัน มันเป็นเรื่องที่ไม่เมคเซ้นส์เอาเสียเลย! แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่นั่งมองตาปริบ ๆ พร้อมกับรำพึงในใจว่า อิหยังวะ! หลังเห็นราคาหุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 69.50 บาท ลบไป 0.75 บาท หรือลงไป 1.05% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.77 พันล้านบาท ผนวกกับจุดเด้งสองครั้งก่อนอยู่ที่บริเวณ 69 บาทพอดี เลยทำให้จิตใจของน้องโมว้าวุ่นมากขึ้นไปอีกพะย่ะค่ะ

อีกรายที่มีลักษณะเหมือนกับรายข้างต้น “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น EA เป็นรายถัดมา เพราะเป็นการไหลลงต่อเนื่องจากระดับ 65 บาท ก่อนจะยืนปิดที่ระดับ 53 บาท ลบไป 3.25 บาท หรือลงไป 5.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.56 พันล้านบาท และเป็นการยืนปิดใกล้กับโลว์เดิมแบบนี้ กลายเป็นไฟต์บังคับที่ทำให้หุ้นต้องเด้งกลับในทันที รวมทั้งทำให้เดี๊ยนสงสัยว่า การรุกเข้าไปยังธุรกิจโรงไฟฟ้าขยะ มันไม่ช่วยอัพแวลูให้กับหุ้นเลยหรือไง?..ใครรู้ช่วยตอบทีเถอะ!

เช่นเดียวกับหุ้นที่ “สนอง need”  การเมืองมาทุกยุคทุกสมัยอย่าง KTB ก็ยังถูกรินขายออกมาเป็นระยะ จนราคาหุ้นอยู่ในทิศทางแกว่งตัวลงอย่างเต็มตัวแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย หรือกลัวว่า หนี้เสียจะพุ่งขึ้นแบบอันลิมิต ก็เว้ากันมาตรง ๆ หลังเดี๊ยนรู้สึกว่า การยืนปิดที่ระดับ 18.60 บาท ลบไป 0.20 บาท หรือลงไป 1.05% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.01 พันล้านบาท มันทำให้สงสัยว่า หุ้นมีสิทธิ์ที่จะลงต่อน่ะซี

ในเมื่อมีการเขย่าแรง ๆ ให้เห็นทั้งตลาดหุ้น “โมนิก้า” เลยไม่คาใจที่เห็นหุ้นโรงเรียนของหนู SISB ถูกขายออกมาเหมือนกับพวกรายข้างต้น จนราคาหุ้นลงมาปิดที่ระดับ 32.25 บาท ลบไป 1.50 บาท หรือลงไป 4.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 224 ล้านบาท ซึ่งเป็นการยืนปิดที่จุดเด้งกลับพอดีแบบนี้ มันเป็นเรื่องที่ต้องดูกันว่า วันนี้จะมีแรงซื้อกลับเข้ามาดันหุ้นไหม? ถ้ามีเข้ามา..ถือว่าได้เล่นสั้น ๆ อีกรอบ ถ้าไม่มี..ถือว่าพักยกให้น้ำพะย่ะค่ะ

อีกรายที่อยู่ในช่วงตั้งลำ และกำลังจะเริ่มเล่นใหม่ แต่กลับโดนรินขายออกมาเรื่อย ๆ จนหุ้นเริ่มเสียทรง “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น PSP หลังย่อตัวลงมาปิดที่ 9 บาท ลบไป 0.40 บาท หรือลงไป 4.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 619 ล้านบาท มันเป็นสถานการณ์ที่ชวนให้คิดว่า เมื่อไม่มีแรงซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง หุ้นจะไปต่ออย่างไร? ส่งผลให้นักเล่นต้องตัดสินใจด้วยตัวเองว่า กล้าเล่นในสถานการณ์แบบนี้ไหม?..อิอิอิ

ตบท้ายกันที่ควันหลงของคุณน้อง “พรอนงค์” เลขาธิการ ก.ล.ต.คนที่ 13 กันสักหน่อย! เพราะมีเสียงฮึ่ม ๆ เกี่ยวกับการร้องเรียนคุณสมบัติเข้ามาเป็นระยะ จนตัวอีฉันต้องไปสืบค้นข้อมูลด้วยตัวเอง จนในที่สุดได้รู้ความจริงที่ว่า คุณน้องนั่งเป็นอนุกรรมการของสำนักงาน ก.ล.ต.เป็นเวลาหลายปี (บอร์ดนี้ชื่อว่า กตท.) จึงมีคุณสมบัติครบถ้วนทุกประการ และยังได้ยินข่าวมาว่า ก.คลังได้มีการ “ตรวจสอบ” และ “สอบถาม” รายละเอียดทั้งหมดแล้ว แถมยังมีการรับรองเป็นที่เรียบร้อยแบบนี้..มูฟออนกันได้แล้วนะทุกคน!

Back to top button