Cyclical Stock เลือกดีมีกำไร.!?

วงหุ้นไทยอยู่ในภาวะเปราะบาง..จากความไม่ชัดเจนทางการเมือง ทำให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ..ต่างชะลอการลงทุน


ช่วงหุ้นไทยอยู่ในภาวะเปราะบาง..จากความไม่ชัดเจนทางการเมือง หลังการเลือกตั้ง 14 พ.ค. 66 ที่ผ่านมา ทำให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ..ต่างชะลอการลงทุนเห็นได้จากมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยเพียงวันละ 40,000-50,000 ล้านบาท เพื่อรอดูความชัดเจนเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล ที่จะนำไปสู่นโยบายด้านเศษฐกิจ

อันจะส่งผลถึงความเป็นไปของตลาดหุ้น..ชนิดที่ว่า “แกะกันไม่ได้..แยกกันไม่ออก” เลยทีเดียว

แหละนั่นทำให้ “เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ” ไม่เพียงไม่ไหลเข้ามา..แต่ยังไหลออกไปสู่ตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน..อย่างน่าเสียดาย..!!

สิ่งจำเป็นยิ่งยวดช่วงนี้..หนีไม่พ้นเรื่องการบริหารความเสี่ยง..และแสวงหาโอกาสช่วงตลาดไซด์เวย์แบบนี้

ระหว่างเศรษฐกิจโลกอยู่ระหว่างการฟื้นตัว จากผลกระทบจากโควิด-19 ตลอดช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีหุ้นอยู่กลุ่มหนึ่งที่น่าสนใจและเป็นทางเลือกในการหาจังหวะเข้าลงทุนช่วงตลาดผันผวนแบบนี้

นั้นคือ “หุ้นวัฎจักร” (Cyclical Stock) หรือหุ้นที่ผลการดำเนินงานของธุรกิจมีความผันผวนขึ้นลงตามภาวะเศรษฐกิจอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงหุ้นที่เกี่ยวข้องกับสินค้าโภคภัณฑ์ (Community) ช่วงเศรษฐกิจกำลังขาขึ้น ผลการดำเนินงานจะดีขึ้น ราคาหุ้นจะปรับขึ้นตาม ในทางกลับกันช่วงเศรษฐกิจกำลังขาลง ผลการดำเนินงานจะแย่ลง ราคาหุ้นจะปรับตัวลงตามเช่นกัน

เรียกกันง่าย ๆ..ก็คือหุ้นที่มีวัฏจักรกับธุรกิจสอดรับกับความเป็นไปของเศรษฐกิจ..นั่นเอง

หากจะแยกหมวดหมู่ “หุ้นวัฏจักร” ที่ว่านี้..อาจแบ่งออกคร่าว ๆ

นั่นก็คือ หุ้นอุตสาหกรรมยานยนต์, หุ้นท่องเที่ยว, หุ้นธนาคาร, หุ้นสินค้าเกษตร, หุ้นถ่านหิน-เหล็ก, หุ้นอสังหาริมทรัพย์หุ้นโรงพยาบาล, หุ้นเดินเรือ, หุ้นน้ำมันและปิโตรเคมี, หุ้นค้าปลีก และหุ้นบรรจุภัณฑ์

สูตรเด็ดเคล็ดลับสำคัญในการเลือกลงทุนหุ้นวัฏจักร ก็คือ ต้องเข้าใจวัฏจักรของธุรกิจนั้น ๆ และรู้จังหวะเข้าลงทุน ที่สำคัญไม่ควรใช้ค่า P/E มาประเมินมูลค่าและไม่ควรลงทุนแบบ DCA (ทยอยซื้อแบบถัวเฉลี่ย) เพราะไม่เหมาะกับการทยอยสะสมเพื่อลงทุนระยะยาว

ช่วงที่ผ่านมา “หุ้นวัฏจักร” ที่เป็นทางเลือกในการลงทุนและสร้างผลตอบแทนในรูป Capital Gain หรือกำไรจากส่วนต่างราคาหุ้นอย่างมีนัยสำคัญ

เริ่มด้วยหุ้นท่องเที่ยว เช่น ร้านอาหาร, โรงแรม, ธุรกิจการบิน ที่เริ่มเห็นการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป หลังเป็นหนึ่งหุ้นที่ได้รับผลกระทบมากสุด เฉกเช่นหุ้นค้าปลีกด้วยเช่นกัน..

บทพิสูจน์คือตัวเลขผลประกอบการ..เริ่มกลับมากำไรหรือขาดทุนน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ

เช่นเดียวกับ “หุ้นอุตสาหกรรมยานยนต์” ที่ได้ 2 แรงบวก นั่นคือ..กำลังซื้อเริ่มฟื้นตัวและการเปลี่ยนผ่านจากยานยนต์สันดาปเดิม..มาสู่ยานยนต์ไฟฟ้า (EV)

อีก “หุ้นวัฏจักร” ที่น่าสนใจคือ “กลุ่มปิโตรเคมี” ที่เริ่มเห็นสัญญาณการก้าวเข้าสู่วัฏจักรขาขึ้นอีกครั้ง จากแนวโน้มการเติบโตต่อเนื่องของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน..

ที่ถือว่าเป็น 2 ขั้วอำนาจการเมืองและเศรษฐกิจของโลก..!!

สิ่งที่จะปรากฏชัดเจนมากขึ้น นับจากนี้ไปคือ “ส่วนต่างราคาปิโตรเคมี” หลังเผชิญภาวะหดแคบทรงตัว ตลอดช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา

ยกเว้นซะแต่ว่า..เศรษฐกิจโลกจะเกิดภาวะถดถอย..เท่านั้นเอง..!!??

Back to top button