HENG รุกสินเชื่อเวียดนาม
หลังจากแบงก์สีเหลืองย่านถนนพระราม 3 ทุ่มเงินก้อนโต ซื้อกิจการ SHB Finance ซึ่งประกอบธุรกิจให้บริการสินเชื่อผู้บริโภคในประเทศเวียดนาม...ทำให้เห็นว่าประเทศเวียดนามเป็นน่านน้ำใหม่
หลังจากแบงก์สีเหลืองย่านถนนพระราม 3 ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY ทุ่มเงินก้อนโตราว 5.18 พันล้านบาท ซื้อกิจการบริษัท SHBank Finance Company Limited (SHB Finance) ซึ่งประกอบธุรกิจให้บริการสินเชื่อผู้บริโภคในประเทศเวียดนาม…ทำให้เห็นว่าประเทศเวียดนามเป็นน่านน้ำใหม่ หรือบลูโอเชียนของกลุ่มสินเชื่อรายย่อย และสินเชื่อ Hire Purchase..!!
ยิ่งตอกย้ำมากขึ้น เมื่อบริษัท เฮงลิสซิ่ง แอนด์ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ HENG หรือฉายาหุ้นลีสซิ่งล้านนา (โตมาจากการปล่อยสินเชื่อรถป้ายแดงและจำนำทะเบียนรถ รวมทั้งสินเชื่อประเภทอื่น ๆ ในพื้นที่ภาคเหนือ) ประกาศเข้าลงทุนในบริษัท S68 CAPITAL INVESTMENT LLC. คิดเป็นเงินลงทุน 4,312.50 ล้านดอง หรือประมาณ 6.22 ล้านบาท โดยคาดดีลนี้จะแล้วเสร็จภายในเดือน มี.ค. 2567
อ้อ…ที่เห็นใช้เงินไม่เยอะ แค่ 6.22 ล้านบาท แต่ HENG เข้าไปถือหุ้นใหญ่สัดส่วน 75% เลยนะ ส่วนที่เหลืออีก 25% เป็นกลุ่มนักธุรกิจคนไทยอีก 8 ราย
ส่วนอีกเหตุผลที่มูลค่าไม่เยอะ น่าจะแค่เป็นการซื้อโครงบริษัทเสียมากกว่า โดยมีของดีที่ซ่อนอยู่เป็นไลเซนส์ หรือใบอนุญาตในการประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องจากหน่วยงานภาครัฐที่กำกับดูแลของประเทศเวียดนาม ซึ่งเจ้าของเดิมคงไม่มีเงินทุน ก็เลยขายให้กับ HENG และกลุ่มนักธุรกิจคนไทยละมั้ง
ที่น่าสนใจ จะเห็นว่าการขยายธุรกิจไปตลาดต่างประเทศครั้งนี้ HENG ไม่ได้เริ่มจากศูนย์ให้เสียเวลา แต่ใช้กลยุทธ์โตแบบอินออร์แกนิก…ซึ่งดูแล้ว HENG คงใช้บริษัท S68 CAPITAL INVESTMENT LLC. เป็นหัวหมู่ทะลวงฟันในการบุกตลาดสินเชื่อรายย่อยในประเทศเวียดนาม ประเดิมด้วยธุรกิจโรงรับจำนำ โดยคาดว่าจะเริ่มมีรายได้เชิงพาณิชย์ตั้งแต่เดือน มี.ค. 2567 เป็นต้นไป
แต่เดาว่าคงไม่ใช่แค่ทำธุรกิจโรงรับจำนำหรอกมั้ง ในอนาคตน่าจะขยับขยายไปปล่อยสินเชื่ออื่น ๆ ด้วย…ไม่เชื่อก็จับตากันต่อไป
ส่วนถ้าให้วิเคราะห์ถึงสาเหตุที่แบงก์และนอนแบงก์บ้านเราพยายามออกไปโตนอกบ้านมากขึ้น โดยเฉพาะที่ประเทศเวียดนาม เป็นเพราะด้วยเงื่อนไขกฎเกณฑ์ของภาครัฐมีความเข้มงวดมากขึ้น เช่น การคุมเพดานดอกเบี้ย ทำให้อัตราการเติบโตทำได้ยากขึ้น
ขณะที่ ตลาดแข่งขันกันสูง มีทั้งรายเล็กและรายใหญ่เต็มไปหมด อย่างแบงก์เองก็ส่งบริษัทลูกมาร่วมชิงเค้ก ส่วนรายเล็ก ๆ ก็สู้กันหูดับตับไหม้ ไม่นับรวมไฟแนนซ์ห้องแถวอีกเป็นเบือ ทำให้ตลาดนี้กลายเป็นน่านน้ำสีเลือด หรือเรดโอเชียนไปแล้ว ส่งผลให้ผลตอบแทนลดลงเรื่อย ๆ เพราะต้องสู้กันด้วยโปรโมชันลดแลกแจกแถม ทำให้มาร์จิ้นแคบลงเรื่อย ๆ
ที่สำคัญ ประเทศเวียดนามเศรษฐกิจกำลังเติบโต และแซงหน้าประเทศไทยไปแล้ว ในช่วงที่ผ่านมาเศรษฐกิจของเวียดนามเติบโตในระดับสูง แม้จะลดความร้อนแรงลง โดยธนาคารโลกคาดปี 2566 เศรษฐกิจเวียดนามจะเติบโต 6.3% เทียบกับ 8% ในปี 2565 ขณะที่ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) ระบุว่า การเติบโตของเวียดนามอาจสูงถึง 6.5% ในปี 2566 และในอีก 5 ปีข้างหน้า
อีกทั้งจำนวนประชากรเวียดนาม ล่าสุดเพิ่งแตะ 100 ล้านคนไปหยก ๆ เมื่อช่วงเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา
ทั้งหมดนี้คงเป็นคำตอบที่ว่า เหตุใด HENG จึงเปิดเกมรุกสินเชื่อเวียดนาม..!!
ส่วนจะซัคเซสแค่ไหน..? ยังตอบยาก
แต่อย่างน้อยการไปก่อน ก็มีโอกาสประสบความสำเร็จก่อนนะจิบอกให้…(แต่หมายเหตุไว้หน่อยว่า ไม่เสมอไป..!?)
…อิ อิ อิ…