เล่นท่าเดิม..เจ็บแบบเดิม
จริง ๆ “โมนิก้า” อยากเห็นตลาดหุ้นไทย “เปิดเขียว ปิดเขียว” ทุกวัน แต่นั้นเป็นเรื่องเพ้อฝันสำหรับคนที่ชอบหลอกตัวเอง
จริง ๆ “โมนิก้า” อยากเห็นตลาดหุ้นไทย “เปิดเขียว ปิดเขียว” ทุกวัน แต่นั้นเป็นเรื่องเพ้อฝันสำหรับคนที่ชอบหลอกตัวเอง เลยต้องกลับมามองที่ความเป็นจริงว่า ตลาดหุ้นไทยมีดีอะไร? และสุดท้ายก็ได้พบกับความจริงที่น่าหดหู่ใจว่า ในระยะสั้นยังไม่มี! แถมยังต้องเผชิญกับข่าวร้ายที่รอวันปะทุขึ้นมาใหม่แบบนี้ เดี๊ยนมองไม่เห็นหนทางที่ดัชนีจะยืนประคองตัวเหนือระดับ 1,400 จุดได้เลยจริง ๆ นะตัวเอง
โดยเฉพาะในมุมของตลาดหุ้นไทยที่เทรดบน PE 20 เท่า มันเป็นสถานการณ์ที่น่ากังวลมาก ๆ ในภาวะที่ตลาดหุ้นทั่วโลกแดงเถือกทุกวัน หรือแม้กระทั่งภาคท่องเที่ยวที่ทำท่าจะฟื้นตัว แต่ดันมาเกิดเหตุการณ์เด็กคลั่งกราดยิงคนบนห้างเสียชีวิต 2 รายแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเหตุการณ์ที่กระทบต่อการท่องเที่ยวเต็ม ๆ และเป็นข่าวร้ายสำหรับหุ้นที่เกี่ยวข้องกับภาคบริการต่าง ๆ นะจะบอกให้
ด้วยเหตุนี้ถึงทำให้ “โมนิก้า” ไม่ได้รู้สึกอุ่นใจเมื่อเห็นตลาดหุ้นไทยพยายามสวนกระแส เพราะสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้ามีแต่ข่าวร้าย จึงขอเตือนด้วยความหวังดีว่า การที่ดัชนียืนปิดในระดับ 1,451.25 จุด บวกไป 3.95 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.12 หมื่นล้านบาท ทั้งที่ช่วงเช้าลงไปที่ระดับ 1,429.99 จุด มันเป็นอาการชักกระตุกก่อนหมดลม และอาการแบบนี้ ก็เคยเกิดขึ้นให้เห็นมาแล้ว 2 ครั้งในช่วงระยะ 1 เดือนที่ผ่านมาจ้า
เมื่อสถานการณ์ส่อเค้าจะแย่ลงกว่าเดิม AAV เลยถูกถล่มขายตั้งแต่เช้าจรดเย็น ก่อนจะยืนปิดไปที่ระดับ 2.52 บาท ลบไป 0.14 บาท หรือลงไป 5.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 402 ล้านบาท ชนิดที่ไม่มีใครอยากเข้าไปช้อนหุ้นแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นแรงกดดันที่จะทำให้ราคาหุ้นดำดิ่งลงไปอีกอย่างเลี่ยงไม่ได้ แม้วันนี้ราคาหุ้นจะยืนประคองตัวเหนือแนวรับ 2.50 บาทได้อย่างยอดเยี่ยม แต่สถานการณ์ต่อจากนี้จะดีขึ้นจริงเหรอ?
ขนาดหุ้นโรงแรมที่บวกสวนตลาดหุ้นได้ตลอดหนึ่งเดือนอย่าง ERW ยังต้องยอมจำนนต่อข่าวร้ายที่เกิดขึ้น พร้อมกับทิ้งตัวลงมายืนที่ระดับ 5.25 บาท ลบไป 0.35 บาท หรือลงไป 6.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 379 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นผลกระทบระยะสั้นที่นักเล่นหุ้นต้องทิ้งหุ้นออกมาก่อน และรอให้สถานการณ์ต่าง ๆ คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น ต่อจากนั้นถึงจะกลับเข้ามาซื้อใหม่แน่ ๆ เพราะที่ผ่านมาก็เล่นกันท่านี้ตลอดค่ะ
ประเด็นที่น่าสนใจคือ AOT มีอาการซวนเซเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอมาเจอเหตุการณ์นี้เข้าอีกดอก ราคาหุ้นถึงกับทรุดไม่เป็นท่า จนสุดท้ายยืนปิดที่ระดับ 68.50 บาท ลบไป 1.50 บาท หรือลงไป 2.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.25 พันล้านบาทแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่น่ากังวลมากกว่าหุ้นตัวไหนทั้งสิ้น! เพราะลำพังเจอแค่ฝรั่งทิ้งหุ้นไม่เลิก ราคาหุ้นก็ไปไม่เป็นอยู่แล้ว พอมาเจอเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อผลงานเข้าเต็ม ๆ เลยไม่มั่นใจว่าโลว์เดิมของปีนี้ที่ระดับ 66 บาทจะเอาอยู่หรือเปล่า?
เช่นเดียวกับสถานการณ์ของราคาหุ้น OR ที่ไหลลงเหมือนไม่มีหูรูด ก็เป็นเรื่องที่ซีเรียสมาก ๆ เพราะเมื่อจากราคาไอพีโอ 18 บาท เทียบกับแรงขายที่ไม่มีทีท่าจะเบาบางลงเลย “โมนิก้า” ถือเป็นเกมเสี่ยงสำหรับคนที่เข้าซื้อ หลังหุ้นลงไปทำโลว์ที่ระดับ 17.60 บาทให้เห็นหยก ๆ ก่อนจะตีกลับขึ้นมาปิดที่ระดับ 17.90 บาท ลบไป 0.20 บาท หรือลงไป 1.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 658 ล้านบาทแบบนี้..ลุ้นระทึกเหลือเกินเจ้าค่ะ
ส่วนรายที่ลุ้นลำบาก เพราะแรงขายไม่ซ่าเสียที “โมนิก้า” ขอมองไปที่หุ้น SABUY เพื่อชี้ให้เห็นการลงมาปิดที่ระดับ6.40 บาท ลบไป 0.25 บาท หรือลงไป 3.76% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 194 ล้านบาท ท่ามกลางสถานการณ์หลายอย่างยังฝุ่นตลบ มันกลายเป็นไฟต์บังคับที่ทำให้นักเล่นต้องยอมตัดใจ เพื่อไม่ให้พอร์ตหุ้นแดงหนักกว่าเดิมแบบนี้ เดี๊ยนขอแนะนำให้อยู่ห่าง ๆ ไว้ก่อนดีกว่านะคะ
ตบท้ายกันที่เสือซุ่มอย่างหุ้น TGE หลังแอบขึ้นมาช้า ๆ ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 1.90 บาท บวกไป 0.11 บาท หรือขึ้นไป 6.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 38 ล้านบาท มันสตอรี่ที่เกี่ยวข้องกับโรงไฟฟ้าใหม่โดยตรง และเรื่องนี้จะเป็นการอัพแวลูให้กับตัวหุ้นโดยตรง “โมนิก้า” เลยเชื่อว่า เที่ยวนี้จะวิ่งกลับขึ้นไปที่ไฮเดิม 2.20 บาท เพราะเมื่อดูตามรูปการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วง 2 สัปดาห์ มันมีแต่แรงซื้อทยอยเข้ามาน่ะซี