ระวังโดนตบ

ก่อนอื่นต้องบอกให้แฟนคลับเข้าใจว่า “โมนิก้า” ไม่ใช่นางมารร้ายที่ชอบเอะอะโวยวาย และเมื่อไม่ได้ดั่งใจก็จะสวมบทมือตบ (ขยี้ข่าว) อันดับต้น ๆ ของประเทศนั้น ก็เป็นเพียงสมญานามที่ผู้คนตั้งให้เล่น ๆ ซึ่งอีฉันก็ยินดีที่จะรับไว้ด้วยความเต็มใจ และเรื่องดังกล่าวก็ดันมาตรงกับหัวข้อที่จะเม้าท์ถึงตลาดหุ้นพอดี จึงขอแจกแจงรายละเอียดเพิ่มเติมอีกนิดหน่อยว่า หุ้นไทยแหลมขึ้นมาทีไร..โดนตบร่วงทุกทีจ้า!

เหมือนกับเหตุการณ์ที่ผ่านมาทุกครั้ง “โมนิก้า” พยายามชี้ให้เห็นโอกาสของการลงทุนยังเปิดกว้าง แต่ไม่อาจปฏิเสธว่า ข่าวร้ายก็ยังมีออกมาไม่หยุดหย่อน จึงเป็นประเด็นที่ทำให้เดี๊ยนแนะนำให้แฟนคลับ “ขายหุ้น” มากกว่ากระโดดเข้าไป “ซื้อหุ้น” ยกเว้นนักเล่นที่คิดจะเล่นสั้น ๆ จังหวะนี้ถือว่า ได้ลุ้นสุด ๆ เพราะตลาดหุ้นไทยลงมาในจุดที่เรียกว่า oversold แล้ว..oversold อีกน่ะซี

ฉะนั้นการที่ดัชนีเด้งกลับขึ้นมาปิดที่ระดับ 1,452.55 จุด บวกไป 1.30 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.31 หมื่นล้านบาท โดยที่การเคาะในแต่ละไม้ยังกระท่อนกระแท่น และยังมีอาการระแวงจะโดนหลอกไปเชือดแบบนี้ มันทำให้การเล่นในช่วงท้ายสัปดาห์อึดอัดมากขึ้นกว่าเดิมอย่างไม่ต้องสงสัย แถมยังถูกกดดันจากราคาน้ำมันดิบลดลงอย่างฮวบฮาบ เลยทำให้หุ้นกลุ่มโรงกลั่นถูกถล่มขายไม่เลี้ยง..แล้วหุ้นไทยจะขึ้นได้อย่างไรล่ะจ๊ะ

เรื่องนี้ดูได้จากเหตุการณ์เมื่อ 6 วันก่อนที่หุ้น PTTEP วิ่งขึ้นไปบริเวณ 174 บาท แต่วันนี้กลับลงมายืนอยู่ที่ระดับ 161.50 บาท ลบไป 4 บาท หรือลงไป 2.42% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.99 พันล้านบาท  และมีแนวโน้มที่จะไหลลงตามราคาน้ำมันดิบแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นผลกระทบที่จะทำให้ตลาดหุ้นไทยถูกกดันไปอีกนาน และทางออกที่ดีสุดในจังหวะนี้ก็คือ อยู่ห่าง ๆ ไว้ก่อนดีกว่านะคะ

ไหน ๆ ก็เม้าท์ถึงเรื่องที่นักเล่นควรอยู่ห่าง ๆ ขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ขอมองไปที่โรงกลั่นอย่าง SPRC เป็นรายถัดมาแล้วกัน เพราะเมื่อดูโลว์เก่าที่อยู่บริเวณ 7.60 บาท เทียบกับราคาปิดที่ระดับ 8.25 บาท ลบไป 0.35 บาท หรือลงไป 4.07% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 218 ล้านบาท ก็ทำให้เดี๊ยนไม่ค่อยสบายใจสักเท่าไหร่? เพราะบรรยากาศหลายอย่างไม่เอื้อให้กองทุนเข้าไปพยุงหุ้น ส่งผลให้โมเมนตัมของหุ้นอยู่ในลักษณะไซด์เวย์ดาวน์คะ

ส่วนรายที่มีโมเมนตัมดีขึ้น หลังราคาหุ้นลงมาจนสุด และมีข่าวดีเรื่อง กทม. เตรียมทยอยเปลี่ยน “รถเมล์” ธรรมดาให้เป็น “เมล์ไฟฟ้า” ทั้งหมดในปี 73 ก็ต้องนึกถึงหุ้น NEX เป็นลำดับแรก และถ้าดูจากประวัติเก่า ๆ ที่ทยอยเปลี่ยนล็อตละ 500-1,000 คัน มันทำให้เชื่อว่า ผลงานของหุ้นตัวนี้จะดีขึ้นเรื่อย ๆ แต่การยืนปิดที่ระดับ 11.10 บาท  ลบไป 0.30 บาท หรือลงไป 2.63% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 234 ล้านบาท น่าสนใจเหลือเกินจ้า!

ในเมื่อเอ่ยถึงหุ้นลูกขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ขอเอ่ยถึงควันหลงของหุ้น EA เมื่อเปิดหน้าทวงความเป็นธรรมให้กับตัวเองด้วยการฟ้อง กกพ. ในคราวนี้ และศาลปกครองมีคำสั่งทุเลาออกมาอย่างเป็นทางการ มันเหมือนเป็นสัญญาณดีสำหรับทุกฝ่าย เพราะ กกพ. มีหน้าที่พิสูจน์ความโปร่งใสให้สังคมได้รู้แบบนี้..เดี๊ยนถือเป็นเรื่องดีที่จะทำให้ข้อครหาต่าง ๆ ได้ผ่านการชำระแบบสิ้นสงสัย..ไม่งั้นขาเผือกก็นินทาไม่เลิก..อิอิอิ

ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้น XPG เพื่อชี้ให้เห็นเงินดิจิทัลเริ่มเสื่อมมนต์ขลังแล้วกระมัง! จึงมีแรงขายออกมาเรื่อย ๆ จนราคาหุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 1.10 บาท ลบไป 0.14 บาท หรือลงไป 11.29% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 287 ล้านบาท จากก่อนหน้านี้ขึ้นไปยืนแถว 1.67 บาท  แถมยังได้คนรู้ใจอย่าง “อาทิตย์ สุริยาภิวัฒน์” ซึ่งเคยนั่งเป็นกรรมการ ก็ย้ายก้นไปอยู่ในคณะที่ปรึกษานายกฯ แบบนี้..มันไม่ช่วยสร้างความมั่นใจอะไรเลยเหรอตัวเอง!

ตบท้ายกันที่ “หุ้นเล็กปั่นมัน” อย่าง MTW กันดีกว่า เพราะมีเสียงหนาหูว่า กำลังเซตเกมเล่นรอบใหม่ หลังระหว่างวันขึ้นไปทำ High ที่ 2.80 บาท แล้วโดนตบลง แถมเที่ยวนี้มีการจัดกองกำลังอย่างแน่นหนา “โมนิก้า” เลยสงสัยว่าการที่กลับมาปิดที่ระดับ 2.50 บาท ลบไป 0.06 บาท หรือลงไป 2.34% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 109 ล้านบาท น่าจะเป็นจริงเหมือนคำร่ำลือ  แต่ก็พึงระวังไว้ว่า วันนี้หุ้นเทรดบน PE 38 เท่าท่ามกลางเศรษฐกิจที่ยังมีอาการติด ๆ ขัด ๆ และบรรยากาศลงทุนที่ไม่เป็นใจแบบนี้..ไหวเหรอคุณแม๊