ขายทิ้ง!
“โมนิก้า” รู้สึกว่า ข่าวสารหลายอย่างที่ผ่าน “เข้าหูซ้าย ทะลุหูขวา” ในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ล้วนเป็นเรื่องที่สร้างความหนักใจให้กับคนในแวดวงตลาดทุนอย่างรุนแรง
“โมนิก้า” รู้สึกว่า ข่าวสารหลายอย่างที่ผ่าน “เข้าหูซ้าย ทะลุหูขวา” ในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ล้วนเป็นเรื่องที่สร้างความหนักใจให้กับคนในแวดวงตลาดเงินและตลาดทุนอย่างรุนแรง (หุ้นจะไปต่อไหมหนอ!!) ส่วนกลุ่มเอสเอ็มอีที่อยู่นอกตลาดหุ้นก็เกิดอาการกระอักกระอ่วนใจจนพูดไม่ออก เพราะเงินบาทอ่อนค่าลงต่อเนื่อง ได้กลายเป็นอุปสรรคในการทำธุรกิจ และขัดขวางการบริหารเศรษฐกิจในประเทศ ส่งผลให้ผู้รู้ทั้งหลายแหล่กุมขมับกันถ้วนหน้านะคะ
เนื่องจากทางออกในการแก้ปัญหามีแค่ 2 ทาง และแต่ละทางที่เลือกย่อมมีได้มีเสียกับอีกทางเลือกหนึ่งเสมอ “โมนิก้า” จึงไม่ขอแสดงความคิดเห็นต่อกรณีค่าเงินบาท เพราะต้องปล่อยให้ผู้มีอำนาจเป็นคนกำหนดทางเลือกด้วยตนเอง และเดี๊ยนก็มีหน้าที่แค่คอยเตือนนักลงทุนรายย่อยอย่าหลงเข้าไปเล่นเกม (หุ้น) ของคนอื่น เพราะทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยหลุมพรางที่ถูกขุดไว้รายรอบพะย่ะค่ะ
ส่วนบรรยากาศการลงทุนช่วงนี้อาจสร้างความหนักใจให้กับนักลงทุนรายย่อยก็จริง แต่อย่าลืมว่าปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดจากสารพันปัญหาที่รัฐบาล “เสี่ยนิด” ยังหาทางแก้ไม่ได้แบบเบ็ดเสร็จ “โมนิก้า” ถึงรู้สึกเฉย ๆ ต่อการเหวี่ยงตัวไปมาของดัชนี เพราะเป็นเรื่องที่เคยพูดซ้ำแล้วซ้ำอีก และขอย้ำอีกครั้งว่า “นักลงทุนที่เทขายหุ้นออกไปก่อนหน้านี้ น่าจะเป็นคนที่โล่งใจสุด” นะจะบอกให้
ไหน ๆ จั่วหัวเรื่อง “เกมเสี่ยง” ทั้งที “โมนิก้า” ถือโอกาสนี้เม้าท์ถึงหุ้นที่มีความเสี่ยงสูงอย่าง DELTA เพื่อเตือนนักลงทุนรายย่อยให้ระวังการเข้าซื้อในรอบถัดไป อาจมีความเสี่ยงมากขึ้นเป็นทวีคูณ..ทางที่ดีควรเลี่ยงหุ้นตัวนี้เป็นการชั่วคราว หรือใครมีหุ้นอยู่ในการครอบครอง ควรหาจังหวะขายหุ้นทำกำไรออกไปก่อน เพราะมองจากมุมไหนด้านไหน บอกได้คำเดียวว่า การยืนปิดที่ 80.50 บาท ลบไป 4.50 บาท หรือลงไป 5.29% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.38 พันล้านบาทไม่คุ้มหรอกค่ะ
เช่นเดียวกับในรายของ SAWAD ก็ปรับตัวลงด้วยความเชื่อเดิม ๆ แม้ในบางครั้งจะพยายามเทคตัวขึ้นแรง ๆ แต่สุดท้ายก็ขึ้นน้อยกว่าที่ควรจะเป็น “โมนิก้า” ย่อมมองเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงสำหรับคนที่จะเข้าซื้อหุ้นรอบใหม่ เพราะการลงมาปิดที่ระดับ 42.50 บาท ลบไป 1.75 บาท หรือลงไป 3.95% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 415 ล้านบาท มันส่อให้เห็นว่า ราคาหุ้นอาจลงไปลึกกว่าโลว์เดิมที่บริเวณ 40.75 บาทน่ะซี
เหมือนกับในรายของ CPALL หลายคนอาจมองว่าเป็นหุ้นที่มีสตอรี่สวย ๆ แต่อย่าลืมว่า ผลงานในช่วงหลัง ๆ ตกลงอย่างต่อเนื่อง “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักลงทุนทำความเข้าใจพื้นฐานของหุ้นให้ถ่องแท้เสียก่อน เพราะการลงมาปิดที่ 61 บาท ลบไป 0.25 บาท หรือลงไป 0.41% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 905 ล้านบาท มันเป็นความเสี่ยงที่ทุกคนต้องรับรู้ว่า หุ้นตัวนี้ไม่ได้โดดเด่นเหมือนเมื่อก่อน ราคาหุ้นถึงแกว่งตัวขึ้น ๆ ลง ๆ ในกรอบ 59-62 บาทมาร่วมเดือนแล้วนะคะ
อีกรายที่ต้องทำความเข้าใจแบบเจาะลึกก็คือ CBG หลังราคาหุ้นดำดิ่งแบบไม่มีดิสเบรก ซึ่งเป็นผลมาจากความกังวลที่ว่า ผลงานไม่แจ่ม! แต่ในความเห็นของเดี๊ยนกลับคิดว่า “ธุรกิจก็เป็นแบบนี้แหละ..มีขึ้นมีลง!!”..คนรักก็มี คนชังก็เยอะ และการที่หุ้นยืนปิด 74.50 บาท ลบไป 2 บาท หรือลงไป 2.61% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 429 ล้านบาท ก็เป็นภาพสะท้อนที่ทำให้เห็นว่า นักลงทุนกำลังใส่เกียร์ถอยแบบเต็มตัวนะจ๊ะ
เม้าท์ถึงเรื่องร้าย ๆ มาเยอะพอสมควร “โมนิก้า” ขอเม้าท์ถึงหุ้นที่เคลียร์ปัญหาชีวิตจบแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดอย่าง SINGER กันบ้างดีกว่า เพราะลักษณะของหุ้นที่มีการสู้แรงขายแบบไม่ถอย และพอสบช่องก็ลุยเต็มตัว มันทำให้เชื่อว่า หุ้นมีโอกาสขึ้นมากกว่าลง เดี๊ยนถึงมองการยืนปิดที่ระดับ 12.80 บาท บวกไป 0.90 บาท หรือขึ้นไป 7.56% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 508 ล้านบาท น่าเล่นตามน้ำก็เท่านั้นเอง!
เช่นเดียวกับในรายของ COCOCO มีคนเข้ามาเล่นกันอย่างเมามัน ก็เป็นผลมาจากกำไรของบริษัทจะเติบโตปีละ 30% ไปอีก 2 ปี แถมเมื่อดูจากราคาเป้าหมายก็มีอัพไซด์เกินระดับ 40% จึงกลายเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ ที่เซียนหุ้นเข้ามาเล่นในช่วง “ย่อตัว” และ “ถีบตัว” เดี๊ยนถึงมองว่า การยืนปิดที่ระดับ 9.65 บาท บวกไป 0.35 บาท หรือขึ้นไป 3.76% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 509 ล้านบาท คือจังหวะของการเล่นสั้น ๆ ในช่วงตลาดหุ้นขาลงนะตัวเอง