แค่คิดก็สยอง
หากติดตามสถานการณ์ของ “การเมือง” และ “เศรษฐกิจ” ในระดับเวทีโลกจะเห็นว่า ทั่วโลกกำลังเผชิญกับความวุ่นวายที่หนักขึ้นเรื่อย ๆ
หากติดตามสถานการณ์ของ “การเมือง” และ “เศรษฐกิจ” ในระดับเวทีโลกจะเห็นว่า ทั่วโลกกำลังเผชิญกับความวุ่นวายที่หนักขึ้นเรื่อย ๆ ไล่เรียงตั้งแต่ สงครามประสาทระหว่าง “จีน” กับ “อเมริกา” หรือการสู้รบระหว่าง “รัสเซีย” กับ “ยูเครน” และล่าสุดก็เป็นการเปิดฉากถล่มใส่กันระหว่าง “ปาเลสไตน์” กับ “อิสราเอล” ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ทั้งโลกสั่นสะเทือนอีกครั้งแบบนี้..เดี๊ยนบอกได้คำเดียวว่า พังหมดทุกฝ่ายเจ้าค่ะ
ประกอบกับก่อนหน้านี้ทั่วโลกมีปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัวเป็นทุนเดิม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นไม่หยุด หรือเรื่องของเงินเฟ้อที่ทะยานขึ้นต่อเนื่อง จนเป็นเหตุให้ทั่วโลกต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ยเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว ขณะเดียวกันประเทศไทยยังเจอกับปัญหาบาทอ่อนจนทะลุระดับ 37 บาทแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่กระทบกับการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเต็ม ๆ นะจะบอกให้
ด้วยเหตุนี้ถึงทำให้ “โมนิก้า” ไม่เชื่อว่า ตลาดหุ้นไทยจะฟื้นตัวในเร็ววัน เพราะประเด็นข้างต้นส่งผลกระทบทางลบต่อความมั่นใจของนักลงทุน และเรื่องนี้สังเกตได้จากท่าทีของฝรั่งหัวทองที่เดินหน้าขายหุ้นออกมาไม่หยุดสักที เดี๊ยนถึงอยากให้นักเล่นประเมินการยืนปิดของดัชนีที่ระดับ 1,431.72 จุด ลบไป 6.73 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.74 หมื่นล้านบาท มันน่าเล่นจริงไหม? เพราะเมื่อเหลือบดูการเทรดของหุ้นไทยที่อยู่บน PE 19 เท่า มันทำให้เดี๊ยนขนลุกซู่เลยจ้า!
งานนี้อย่าหาว่า “โมนิก้า” หมดรักตลาดหุ้นไทย และไม่ชอบหุ้นไทย เพราะสิ่งที่เม้าท์ให้ฟังมันเป็นเรื่องจริงที่ยากจะหลีกเลี่ยงได้ และยังเป็นประเด็นที่กัดกร่อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนเต็ม ๆ เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับคิดให้ดีก่อนกระโจนเข้าไปรับหุ้น เพราะบางเรื่องก็เป็นความกังวลที่มีต่อผลประกอบการ และบางเรื่องก็เป็นความกังวลที่มีต่อบรรยากาศตลาดหุ้น จึงทำให้สถานการณ์ลงทุนมีแต่ “ทรงกับทรุด” พะย่ะค่ะ
ขนาดตัวทีเด็ดกลุ่มตระกูลเจยังโดนถล่มราบเป็นหน้ากลอง ทั้งที่เพิ่งตั้งลำอย่างสวยงาม แต่วานนี้กลับทรุดฮวบกันอย่างถ้วนหน้า “โมนิก้า” เลยมองว่า การไปรอรับหุ้นที่โลว์เดิมน่าจะเป็นจุดเซฟโซนของการเล่นเที่ยวนี้ หรือใครยังคิดไม่ออกก็ให้อยู่เฉย ๆ ไปก่อนก็ได้ เพราะเท่าที่คำนวณเบื้องต้นคร่าว ๆ ฝรั่งหัวทองยังเหลือหุ้นที่จะเอาออกมาขายได้อีกราว 4 หมื่นล้านนะตัวเอง
ประเด็นนี้ทำให้การเล่นหุ้นเหลือแค่ลุ้นรีบาวด์แบบวันต่อวัน หลังหุ้นมีลักณะเด้งขึ้นแรง ต่อจากนั้นก็ร่วงเป็นนกปีกหัก “โมนิก้า” ถึงสงสัยว่า น่าจะมีโลว์ใหม่ให้เห็นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในรายของ IVL ที่ทรุดตัวลงมาปิดที่ระดับ 24.40 บาท ลบไป 0.85 บาท หรือลงไป 3.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 819 ล้านบาท พร้อมกับทำราคาต่ำสุดในรอบ 3 ปี ถือเป็นเรื่องที่ทำให้เดี๊ยนเกิดอาการขวัญผวาอย่างหนักนะออเจ้า
รายถัดมาที่ทำท่าเหมือนจะดีขึ้น แต่ทันทีที่ทุกอย่างเปลี่ยนไป ก็ทำให้หุ้น TIDLOR กลายสภาพเป็นหุ้นต้องห้ามขึ้นมาทันที และไม่มีใครกล้าเข้าไปรับหุ้นเมื่ออ่อนตัวลงมา วานนี้ถึงเห็นหุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 19.50 บาท ลบไป 0.70 บาท หรือลงไป 3.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 738 ล้านบาท พร้อมกับทำ all time low แบบง่าย ๆ “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่เสี่ยงเกินไปที่จะเข้าไปช้อนหุ้นในจังหวะนี้ เพราะเราไม่รู้ว่า สงครามเที่ยวนี้จะขยายวงไปถึงไหนน่ะซี
อีกรายที่น่าจับตาดูเป็นพิเศษต้องยกให้หุ้นขายไก่ขายหมู่ CPF เพราะราคาหุ้นไหลลงมาเรื่อย ๆ จนต้องประเมินว่า แนวรับสุดท้ายที่บริเวณ 19 บาทจะเอาอยู่ไหม? เพราะเมื่อดูจากสภาพเศรษฐกิจที่กระท่อนกระแท่น และฝรั่งหัวทองยังขายหุ้นไม่เลิก ส่งผลให้การยืนปิดที่ระดับ 19.70 บาท ลบไป 0.40 บาท หรือลงไป 2% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 312 ล้านบาท อาจยังไม่ใช่จุดที่น่ารับหุ้นเจ้าคะ
ตบท้ายกันที่หุ้นความสวยความงามอย่าง MASTER เพื่อชี้ให้เห็นแรงขายที่รินออกมาเรื่อย ๆ จนราคาหุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 55.25 บาท ลบไป 4 บาท หรือลงไป 6.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 98 ล้านบาท พร้อมกับทำ all time low ในภาวะตลาดหุ้นเต็มไปด้วยข่าวร้ายนั้น “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องปกติของหุ้นที่เทรดบนพีอีสูง ๆ และเป็นจังหวะที่นักเล่นควรดูอยู่ห่าง ๆ สักพัก ต่อจากนั้นค่อยย้อนกลับไปทยอยเก็บหุ้นจ้า!