พาราสาวะถีอรชุน
แถลงกันวันนี้สำหรับผลงานครบรอบ 2 ปีของรัฐบาล คสช. แต่ก็อาจจะกร่อยกันไปไม่น้อย เพราะจากเดิมวางงานใหญ่แถลงกัน 23-25 ธันวาคม ทำไปทำมาลดเวลาเหลือแค่ครึ่งวันคือแปดโมงครึ่งถึงเที่ยงวันวันนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะร่ายยาวคนเดียวชั่วโมงครึ่ง จากนั้นจึงจะส่งมอบไม้ต่อให้รองนายกรัฐมนตรีแต่ละรายได้ว่ากันคนละ 20 นาที ก่อนที่จะเปิดให้นักข่าวซักถาม
แถลงกันวันนี้สำหรับผลงานครบรอบ 2 ปีของรัฐบาล คสช. แต่ก็อาจจะกร่อยกันไปไม่น้อย เพราะจากเดิมวางงานใหญ่แถลงกัน 23-25 ธันวาคม ทำไปทำมาลดเวลาเหลือแค่ครึ่งวันคือแปดโมงครึ่งถึงเที่ยงวันวันนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะร่ายยาวคนเดียวชั่วโมงครึ่ง จากนั้นจึงจะส่งมอบไม้ต่อให้รองนายกรัฐมนตรีแต่ละรายได้ว่ากันคนละ 20 นาที ก่อนที่จะเปิดให้นักข่าวซักถาม
ความว่าที่ต้องลดเวลาจากหัสเดิมจะจัดแถลงกันใหญ่โต 3 วันนั้น เพราะไปประเมินผลงานมาแล้ว ที่เป็นเนื้อเป็นหนังมีไม่กี่อย่าง ส่วนที่เหลือหลายเรื่องเริ่มต้นกันมาตั้งแต่รัฐบาลก่อนหน้าแล้วมาจบเอาในรัฐบาลนี้จะตีกินเป็นผลงานตัวเองมันก็กระดากและละอายใจอยู่ ส่วนอีกหลายโครงการแม้จะเปลี่ยนชื่อเสียงเรียงนาม แต่โดยภาพรวมมันก็คือการลอกการบ้านของคนที่ชื่อ ทักษิณ ชินวัตร นั่นเอง
แม้จะพะยี่ห้อ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ มายืนยันว่า ทั้งหมดคิดจากหัวสมอง แต่มองมุมไหนมันก็แค่นโยบายดัดแปลง ตัดแต่งดีไม่ดีถึงขั้นเข้าข่ายลอกวิทยานิพนธ์เสียด้วยซ้ำ เมื่อเป็นเช่นนั้น การจะใช้เวลาแถลงยืดเยื้อ แทนที่จะมีผลงานอวดให้ประชาชนชื่นชม มันจะขื่นขมและอารมณ์เสียสร้างรอยด่างให้กับคนแถลงไปเสียฉิบ หากต้องถูกถามมากๆ จากนักข่าวขี้สงสัย
ในความเป็นนโยบายประชารัฐ ถามว่ามีอะไรต่างจากประชานิยมยุคทักษิณ ทั้งโครงการกองทุนหมู่บ้าน การกระตุ้นเศรษฐกิจตำบลละ 5 ล้านบาท ส่วนโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ ทั้งรถไฟทางคู่และรถไฟฟ้าความเร็วสูง (ปานกลาง) เพิ่งมาคิดได้และเริ่มทำกันในสมัยรัฐบาล คสช.อย่างนั้นหรือ คนไทยยังตราตรึงกับคำพูดของอดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญรายหนึ่งได้เป็นอย่างดี
ถ้าถนนลูกรังยังไม่หมดไปจากประเทศไทยก็อย่าเพิ่งสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูง ซึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นในสมัยของรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อันเป็นภาพสะท้อนของกระบวนการตัดสินคดีความต่างๆ ขององค์กรอิสระบางแห่งได้เป็นอย่างดีว่าเป็นกลางกระเท่เร่ ขนาดถึงขั้นหน้าทนไปก้าวล่วงอำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติยังกล้าทำกันมาแล้ว ประเด็นเช่นนี้เชื่อว่าคนอย่างบิ๊กตู่และชาวคณะ คสช.น่าจะเห็นชัดกระจ่างแจ้งเป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม หากจะบอกว่ารัฐบาลไร้ซึ่งผลงานเสียเลยก็คงจะไม่ถูกต้องนัก เพราะอย่างน้อยก็ยังมีเรื่องของความสงบราบคาบในด้านความมั่นคงที่พอจะยืดอกยืนยันได้ว่าเป็นฝีมือของบิ๊กตู่ และที่ถือเป็นงานระดับมาสเตอร์พีซคงเป็นกรณีของกฎหมายมาตรายาวิเศษ ม.44 ที่ใช้สะกดทุกความเคลื่อนไหว จนใครต่อใครหวาดกลัว
แต่ดูเหมือนว่าจะมีรายหนึ่งที่ท้าทายถึงขั้นประกาศจะยิงทหารตำรวจที่ไปกดดันยังบ้านภรรยาของตัวเองนั่นก็คือ วีระ สมความคิด เพราะดันไปประกาศจะบุกประท้วงสมเด็จฯ ฮุน เซน ในระหว่างการเดินทางมาเยือนประเทศไทย จนได้รับเกียรติจากฝ่ายความมั่นคงติดตามอย่างใกล้ชิด ล่าสุด บิ๊กตู่ต้องทวงบุญคุณจากการช่วยพ้นคุกเปรย์ซอว์ของเขมร
แทนที่เจ้าตัวจะสำนึกบุญคุณอันยิ่งใหญ่นั้น กลับโต้ตอบท่านผู้นำในทันที ความจริงไม่ได้ตั้งใจจะช่วย อันจะเห็นได้จากคำพูดของบิ๊กตู่ที่ว่าน่าจะปล่อยให้เน่าตายในคุกเขมรไปเสียเลย สะท้อนเบื้องลึกของจิตสำนึกว่าไม่ได้จริงใจ คงไม่ใช่ประเด็นใหญ่โตอะไร แต่อย่างน้อยก็ทำให้เห็นว่า ขนาดคนกันเองยังจัดหนักเสียขนาดนี้ แล้วพวกที่อยู่ตรงข้ามจะเป็นอย่างไร
นึกถึงตรงนี้ก็อยากจะฝากเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานโดยเฉพาะตำรวจและทหาร ที่มีหน้าที่จะต้องปฏิบัติตามคำสั่ง คสช. พอจะเข้าใจได้ว่าทำตามนายบัญชา แต่ถ้าจะให้ดีต้องให้ทุกอย่างมันสมเหตุสมผลไม่ร้อนรนจนน่าเกลียด คราวออกหมายจับและจับผู้ต้องหาขอนแก่นโมเดลก็ทีหนึ่งแล้ว ทั้งออกหมายจับคนอยู่ในเรือนจำและจับฝาแฝดมาผิดตัว
ล่าสุดเป็นกรณีของการออกหมายเรียก 11 นักศึกษา ที่ปรากฏว่า ด้วยความรีบร้อนหรือไม่ได้ศึกษาข้อมูลยังไงไม่ทราบ มีการออกหมายเรียก วิจิตร์ หันหาบุญ โดยระบุอายุว่า 26 ปี ทั้งๆ ที่บุคคลรายดังกล่าวเป็นอดีตข้าราชการบำนาญที่อายุ 66 ปีแล้ว ความสะเพร่าเช่นนี้ไม่ควรเกิดขึ้นกับคดีที่ถูกมองว่ามีปมซ่อนเงื่อนในมิติทางการเมืองและเลือกปฏิบัติหรือสองมาตรฐาน
ยังดีที่ว่าคนถูกออกหมายเรียกยังมองโลกในแง่ดี ทำให้ผมหนุ่มขึ้นมาอีกตั้งหลายปี แต่ในแง่มุมของการออกมาเคลื่อนไหวนั้นน่าสนใจ แค่เพราะว่าเข้าร่วมกิจกรรมตรวจสอบทุจริต แล้วจะมาแจ้งข้อหาอะไรกับตน เป็นแค่มือใหม่ทางการเมือง แต่การถูกควบคุมตัวหนนี้ได้ประโยชน์ เพราะได้เห็นคนรุ่นใหม่ที่เก่งและกล้า ได้เรียนรู้จากพวกนักศึกษาแต่จะไม่เรียนรู้หรือทำตามพวกไดโนเสาร์ล้าหลังแน่นอน
ไม่เพียงเท่านั้นวิจิตร์ยังได้เขียนจดหมายเพื่อร้องเรียนการละเมิดสิทธิ์ของเขาและรวมถึงผู้เข้าร่วมกิจกรรมตรวจสอบทุจริตอุทยานราชภักดิ์ทั้งหมด ต่อองค์กรสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศด้วย ประเด็นเช่นนี้ผู้มีอำนาจจะมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระ ไม่ต้องใส่ใจคงไม่ได้ เพราะกรณีของการจับกุม ธเนตร อนันตวงษ์ ไปจากโรงพยาบาลเมื่อสองสัปดาห์ก่อนน่าจะเป็นบทเรียนได้เป็นอย่างดี
จะเห็นได้ว่าหลังจากที่พยายามปกปิดสถานที่ควบคุมตัว พอแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ขยับปฏิบัติการณ์ด่วนด้วยการเชิญชวนสมาชิกทั่วประเทศเขียนจดหมายถึงนายกฯและรัฐมนตรีต่างประเทศของไทยเพื่อกดดันให้ปล่อยตัวธเนตร ในวันรุ่งขึ้นทหารก็มีการคุมตัวไปส่งให้ตำรวจเพื่อฝากขังต่อศาลก่อนที่จะมีการอนุญาตให้ประกันตัวในที่สุด
ความสำคัญของท่าทีภายนอกนั้น วันนี้บิ๊กตู่ในฐานะที่เดินทางไปหลายประเทศน่าจะสัมผัสได้เป็นอย่างดี เช่นเดียวกัน กับกรณีที่วันวาน สรรเสริญ แก้วกำเนิด นำทีมออกมาแถลงตอบโต้เรื่องการใช้แรงงานทาสจากรายงานข่าวของสำนักข่าวต่างชาติแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นการยืนยันว่า รัฐบาล คสช.กลัวจะถูกตอบโต้มาจากยักษ์ใหญ่ทั้งสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป จุดนี้น่าจะช่วยส่งสัญญาณไปถึงคณะผู้ร่างรัฐธรรมนูญด้วยกระมัง ที่บอกว่าจะทำให้เป็นประชาธิปไตยแบบไทยโดยไม่ใยดีต่อเสียงนานาอารยประเทศนั้น น่าจะไม่ใช่อย่างที่คิด