เกลียดฝรั่งเสียท่าจีนทายท้าวิชามาร

ผ่านไปหลายวัน รัฐบาล คสช.และกระทรวงคมนาคม ยังไม่ตอบข้อข้องใจของ สามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าฯ กทม. อดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ ว่าทำไมค่าก่อสร้างรถไฟความเร็วปานกลาง ไทย-จีน จึงสูงถึง กม.ละ 607.1 ล้านบาท ทั้งที่เมื่อปี 2555 ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ จีนเสนอราคาก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง เพียง กม.ละ 388.2 ล้านบาท


ใบตองแห้ง

 

ผ่านไปหลายวัน รัฐบาล คสช.และกระทรวงคมนาคม ยังไม่ตอบข้อข้องใจของ สามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าฯ กทม. อดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ ว่าทำไมค่าก่อสร้างรถไฟความเร็วปานกลาง ไทย-จีน จึงสูงถึง กม.ละ 607.1 ล้านบาท ทั้งที่เมื่อปี 2555 ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ จีนเสนอราคาก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง เพียง กม.ละ 388.2 ล้านบาท

เพียง 3 ปีจากรถไฟความเร็วสูง 250 กม.ต่อชั่วโมง มาเป็นรถไฟความเร็วปานกลาง 180 กม.ต่อชั่วโมง ในเส้นทางเดียวกัน ราคาเพิ่มถึง 56% ยังไม่พูดถึงดอกเบี้ย ที่ป่านนี้ยังตกลงกันไม่ได้เลย

เรื่องตลกคือข้อตกลงยังไม่ชัดเจน แต่วางศิลาฤกษ์มัดมือกันไปแล้ว เหมือนจะบอกว่ายังไงรัฐบาลก็เอาแน่ ไม่ต่างกับถนนเลียบแม่น้ำเจ้าพระยา 1.4 หมื่นล้าน ที่รสนา โตสิตระกูล บอกว่า “เอามาขี่จักรยานเล่น” ผมไม่เห็นด้วยกับรสนาเสียหมดนะ แต่ก็เห็นว่ายังไม่ได้ประเมินความคุ้มค่าและผลกระทบรอบด้าน และรู้สึกว่ารัฐบาลเห็นโครงการอะไรใหญ่ๆ ก็จะทำๆ ทั้งที่ถนนลูกรังยังไม่หมดจากประเทศไทย

คนไทยที่เคยคัดค้านรัฐบาลเลือกตั้งสร้างหนี้ 50 ปี วันนี้ก็เงียบไปหมด คงเชื่อใจว่ารัฐบาลทหารไม่โกง เพราะไม่ต้องลงทุนซื้อเสียงเหมือนนักการเมือง

เรื่องขำๆ กว่านั้นคือคนไทยสมัยนี้ “เกลียดฝรั่ง” กระทั่งหันไปชื่นชมจีน รัสเซีย กลับตาลปัตรสมัยก่อนที่ตามก้นฝรั่งเกลียดกลัวคอมมิวนิสต์ วันนี้ จีนทำอะไรดีไปหมด คนไทยเชื้อสายจีนยืดอก อีกไม่กี่ปีจีนจะยิ่งใหญ่เป็นมหาอำนาจอันดับหนึ่งในโลก (ฝันไปเถอะ ไม่สำลักควันพิษตายก็บุญเหลือหลาย)

ยิ่งทูตสหรัฐฯคนใหม่เรียกร้องให้แก้ไข ม.112 ยิ่งแดเนียล รัสเซล มาไทย เรียกร้องสิทธิมนุษยชน เร่งรัดคืนสู่ประชาธิปไตย คนไทยยิ่งหมั่นไส้ เห็นภาพนายกฯ หมางเมิน (บังเอิญหรอก มีภาพเดียว แต่สื่อเอาไปขยายใหญ่โต ภาพจับมือกันดีๆ มีตั้งเยอะ) คนไทยก็สะใจ ทั้งที่ไม่กี่วันก่อนเพิ่งดีอกดีใจได้จับมือโอบามา

ดูเหมือนคนไทยสมัยนี้จะภูมิใจ ถ้าความสัมพันธ์กับสหรัฐฯร้าวฉาน ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางโลก ไม่เคยเป็นเมืองขึ้นใคร ทำไมจะต้องแยแสไอ้กัน เกลียดมันจัง ฝรั่งปากว่าตาขยิบ ว่าแล้วก็พากันก่นด่าว่าปัญหาใดๆ ในโลกล้วนมาจากจักรพรรดินิยมอเมริกาทั้งนั้น ไม่ต่างจากปัญหาใดๆ ในประเทศไทยล้วนมาจากทักษิณ

เอาเข้าจริง คนพวกนี้เกลียดใครก็ได้ที่ไม่เห็นด้วยกับตัวเอง รักใครก็ได้ที่ป้อยอคำหวาน ทั้งที่ในเวทีโลก มหาอำนาจล้วนปากว่าตาขยิบเหมือนกัน ไม่ว่าใคร ก็ยึดผลประโยชน์มาก่อนทั้งนั้น

เพียงแต่อเมริกา ยุโรป แตกต่างตรงที่พัฒนาประชาธิปไตยจน “ประชาชนเป็นใหญ่” ประชาชนเสียงดัง ยึดมั่นเสรีภาพ สิทธิมนุษยชน จนสร้าง “กติกาโลกใหม่” ให้รัฐบาลต้องปฏิบัติตาม อเมริกาที่เคยส่งออกรัฐประหารจึงหันมาคัดค้านรัฐประหาร ยุโรปที่เคยล่าอาณานิคมจึงกวดขันการค้ามนุษย์ การละเมิดสิทธิมนุษชน

คนไทยที่เกลียดฝรั่ง เอาเข้าจริงไม่ได้เกลียดเพราะเป็น “จักรพรรดินิยม” แต่เกลียดกติกาอารยะที่ขัดใจตัวเองต่างหาก ขณะเดียวกันก็หันไปนิยมจีน เพราะจีนไม่ยอมรับกติกาอารยะเช่นกัน จีนป้อคำหวานเพราะได้ประโยชน์

อันที่จริงจะรักจะเกลียดใครไม่ว่ากัน แต่อย่าหน้ามืดเอาผลประโยชน์ของประเทศไปประเคนด้วยความรักความเกลียด กระทั่งวิ่งชนปังตอเลือดโชกก็ยังกอดแข้งกอดขาเห็นเป็นมหามิตรอยู่

Back to top button