ฟิทช์ กับนักวิเคราะห์พลวัต 2015

หลังจากที่ปล่อยเวลาระยะหนึ่งให้นักวิเคราะห์หุ้นของสำนักบริษัทหลักทรัพย์ต่างๆ พากันแสดงสติปัญญา“สาปแช่ง” หรือ “มีมุมมองเชิงลบ” ต่อการประมูลคลื่นมือถือ 4G กันมานาน จนกระท่งหุ้นร่วงต่อเนื่องชนิดไร้แนวรับ ฟิทช์ เรทติ้งส์ บริษัทประเมินความน่าเชื่อถือของหลักทรัพย์ ก็ออกมุมมองของตนเอง ในแง่มุมที่แตกต่างออกมา


หลังจากที่ปล่อยเวลาระยะหนึ่งให้นักวิเคราะห์หุ้นของสำนักบริษัทหลักทรัพย์ต่างๆ พากันแสดงสติปัญญา“สาปแช่ง” หรือ “มีมุมมองเชิงลบ” ต่อการประมูลคลื่นมือถือ 4G กันมานาน จนกระท่งหุ้นร่วงต่อเนื่องชนิดไร้แนวรับ  ฟิทช์ เรทติ้งส์ บริษัทประเมินความน่าเชื่อถือของหลักทรัพย์ ก็ออกมุมมองของตนเอง ในแง่มุมที่แตกต่างออกมา

ที่น่าสนใจก็คือ เป็นมุมมองที่ละเอียดรอบคอบเลยทีเดียว

หลายสัปดาห์มาแล้ว ที่เราได้เห็นบทวิเคราะห์ในเชิงลบที่มีต่อหุ้นสื่อสาร โดยเฉพาะ 4 รายที่เข้าประมูลคลื่น 4G อย่างต่อเนื่อง ในลักษณะ 1) ได้ใบอนุญาตแพง จะมีปัญหาการเงิน 2) ไม่ได้ก็เสียโอกาสทางธุรกิจ พร้อมกำกับคำแนะนำให้ขาย

ค่อนข้างเป็นเรื่องน่าอเนจอนาถใจพอสมควรที่ได้เห็นหุ้นที่มีการจ่ายปันผลทุกไตรมาสอย่าง DTAC ราคาร่วงจากระดับ 100 บาทเมื่อต้นปีนี้ มาเหลือเพียงระดับ 30 บาทเศษ ราคาหุ้น TRUE ร่วงลงมาที่ระดับเกินการเพิ่มทุนครั้งใหญ่เมื่อปีที่แล้ว ราคาหุ้น JAS ร่วงลงมาที่ระดับใกล้หลุด 3.00 บาทเมื่อวานนี้ และหุ้น ADVANC ที่ระดับ 150 บาทเศษ

 ทั้งหมดนี้คือฝีปาก และฝีมือของนักวิเคราะห์ที่ส่งคำชี้แนะในลักษณะ  “รวมศูนย์พุ่งเป้า” ให้ขายหุ้นสื่อสารทั้งสิ้น

มุมมองของนักวิเคราะห์หุ้นไทยส่วนใหญ่ระบุคล้ายคลึงกันว่า  ราคาใบอนุญาตที่ประมูลได้ ถือว่าสูงกว่าที่ตลาดคาดกว่า 30% ถือเป็นเรื่องยากลำบากทางการเงินของผู้ที่ชนะในการประมูล ซึ่งหากไม่ต้องตกมาเป็นภาระของผู้บริโภค ก็จะเป็นภาระของบริษัทในอนาคตแทน

 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนเหล่านี้มีมุมมองว่า หากบริษัท จัสมิน โดยบริษัท แจส โมบาย บรอดแบนด์ จำกัด (Jas Mobile) สามารถชนะการประมูลคลื่นความถี่ 900 MHz ได้จริง จะได้เห็นสงครามราคาในอุตสาหกรรมสื่อสารที่ทำลายวงการไม่ว่ารายใหม่และรายเก่า เพราะผู้ให้บริการ 4 จี เดิม จะจับกลุ่มลูกค้าระดับบน แต่จัสมินเลือกจับกลุ่มลูกค้าทั่วไป ดังนั้น คำแนะนำคือ ให้ปรับลดลงต่อทุกตัว เพราะจะเกิดการแข่งขันสูง 

ทัศนคติดังกล่าว ทำให้เกิดคำถามว่า คนเหล่านี้มีทัศนคติที่ “ย้อนศร”ปฏิเสธการแข่งขันในระบบเศรษฐกิจทุนนิยมได้อย่างไร เพราะคนที่อยู่ในระบบทุนนิยมนั้น มีแต่จะต้องหาทางส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันมากขึ้น ไม่ให้กระจุกตัวผูกขาดน้อยรายแบบ “แมวอ้วน”

ที่ร้ายกว่านั้น ในคำแนะนำที่ “เปี่ยมด้วยอคติแห่งความหวังดี” เหล่านี้ พวกเขาลืมไปโดยเจตนา (หรือโดยความโง่เขลาส่วนตัว) ว่า ช่องทางสร้างรายได้ของธุรกิจ 4G ของบริษัทที่ประกอบการนั้น มากมายมหาศาลเพียงใด เนื่องจากมีตลาดเปิดกว้างสำหรับการให้บริการหลากหลายช่องทางและเปิดช่องให้คนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้สะดวกยิ่งขึ้น

ไม่อย่างนั้น คงไม่ได้มีการประเมินราคาใบอนุญาตและสู้กันแบบเอาเป็นเอาตายอย่างที่ได้เห็นกัน

บทเรียนจากต่างประเทศมีมากมายที่ยันยันว่าธุรกิจนี้มีเดิมพันที่คุ้มกับต้นทุนใบอนุญาตอย่างแท้จริง

ถึงขนาดที่ผู้บริหารระดับสูงของบริษัททั้ง 4 ค่าย จะออกมายืนยันและตอกย้ำว่า ไม่มีความจำเป็นและเดือดร้อนทางการเงินหรือทางการแข่งขัน แต่ก็ไม่สามารถทำให้นักวิเคราะห์ไทยเปลี่ยนใจมากลับคำแนะนำในเชิงบวกกันเสียเลย เกิดอาการ “ย้ำคิดย้ำทำ”แนะให้ขายลูกเดียว เสมือนหนึ่งสบคบคิดทุบหุ้นสื่อสารโดยเจตนา       

บทวิเคราะห์ของฟิทช์ แม้จะคาดว่าการแข่งขันในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทยจะมีความรุนแรงมากขึ้น หลังจากการเข้ามาเป็นผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหม่ของ JAS ด้วยราคา 7.57 หมื่นล้านบาท แต่ก็มีความสมเหตุสมผลมากกว่าหลายเท่า

ฟิทช์มองว่า  แผนธุรกิจของ JAS ที่จะเปิดให้บริการ 4G น่าจะใช้กลยุทธ์ส่งเสริมการขายที่รุนแรงเพื่อสร้างฐานลูกค้าและแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาดจากผู้ประกอบการรายเดิม ทำให้ค่าบริการด้านข้อมูล (Data tariff) ของอุตสาหกรรมโทรศัพท์เคลื่อนที่ในประเทศไทย จะปรับตัวลดลง เนื่องจากผู้ประกอบการรายเดิมถูกบังคับให้ต้องแข่งขันด้านราคาค่าบริการ

 ผลลัพธ์คือ ค่าใช้จ่ายด้านการตลาดของผู้ประกอบการน่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น ซึ่งจะลดทอนผลประโยชน์จากต้นทุนค่าส่วนแบ่งรายได้ที่ปรับตัวลดลง ส่งผลให้กระแสเงินสดสุทธิ (Free cash flow) ของผู้ประกอบการติดลบ และอัตราส่วนหนี้สินเพิ่มขึ้นในปี 2559

 ฟิทช์คาดว่า แม้ JAS  อาจต้องเผชิญกับความท้าทายในการสร้างโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ แต่บริษัทน่าจะได้รับผลประโยชน์จากการที่บริษัทให้บริการบนคลื่นความถี่ 900 MHz ซึ่งเป็นคลื่นความถี่ต่ำ ซึ่งใช้เงินลงทุนในการก่อสร้างโครงข่ายที่ต่ำกว่าเนื่องจากคลื่นดังกล่าวสามารถให้บริการครอบคลุมพื้นที่มากกว่า

 มุมมองที่สำคัญคือ ฟิทช์คาดว่าการแข่งขันที่รุนแรงไม่น่าจะส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิตของผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่สุดสองรายซึ่งได้แก่ AIS และ DTAC อัตราส่วนกำไรต่อรายได้ของ AIS และ DTAC ยังคงอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งและอัตราส่วนหนี้สินอยู่ในระดับต่ำ โดยผู้ประกอบการทั้งสองมีสถานะทางธุรกิจที่ดีในการรับมือกับการแข่งขันที่รุนแรงโดยไม่ส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิต

มุมมองดังกล่าว สะท้อนว่า ไม่ได้มองในเชิงลบด้านเดียว แต่มองเห็นด้านบวกควบคู่กันไปด้วย   

หากบังเอิญว่าวันนี้ และต่อไป นักลงทุนเกิดเปลี่ยนใจ หรือรู้เท่าทันนักวิเคราะห์ วกกลับมาซื้อหุ้นสื่อสารกันอย่างเอาเป็นเอาตายเพราะราคาต่ำมากๆเกินสมควรแล้ว อยากรู้นักว่า นักวิเคราะห์หุ้นจะมีคำชี้แนะอะไรอีกบ้าง หรือจะเปลี่ยนใจเป็น การสรุปง่ายแบบเดิมว่า “ ตลาดซึบซับข่าวร้ายไปหมดแล้ว”

หากเป็นอย่างนั้น นักลงทุนคงต้องพิจารณาเลิกอ่านบทวิเคราะห์เสียเลยจะดีกว่า     

Back to top button