KTC หางเสือใหม่.!

อากาศกำลังเข้าสู่ช่วงปลายฝนต้นหนาว...ไม่ต่างจากหุ้นบัตรเครดิต KTC ที่เริ่มซีซันส์เชนจ์เหมือนกัน กับกรณีการเปลี่ยนหางเสือใหม่


อากาศกำลังเข้าสู่ช่วงปลายฝนต้นหนาว…ไม่ต่างจากหุ้นบัตรเครดิต บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC ที่เริ่มซีซันส์เชนจ์ (Seasons Change) เหมือนกัน กับกรณีการเปลี่ยนหางเสือใหม่ (ซีอีโอใหม่) จาก “ระเฑียร ศรีมงคล” มาเป็น “พิทยา วรปัญญาสกุล” ที่จะมาทำหน้าที่คัดหางเสือเรือ KTC (เริ่ม 1 ม.ค. 2567 เป็นต้นไป) เพื่อมุ่งสู่การเติบโตต่อไป..!!

ทว่ากว่าจะมาเป็น KTC ที่มีรายได้กว่า 2 หมื่นล้านบาท กำไรสุทธิทะลุ 7 พันล้านบาท และมีมาร์เก็ตแคป 1.19 แสนล้านบาทในวันนี้ ต้องบอกว่าหุ้นตัวนี้มีอดีตที่น่าจดจำ…ถ้าย้อนไปดูเรื่องราวของ KTC เป็นบริษัทที่แยกตัวมาจากแบงก์สีฟ้า ธนาคารกรุงไทย หรือ KTB เมื่อ 27 ปีที่แล้ว หรือตั้งแต่ปี 2539…จากนั้นในอีก 6 ปีต่อมา หรือในวันที่ 28 ต.ค. 2545 ก็เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ (มีสถานะเป็นบริษัทลูกของ KTB ถือหุ้น 49.29%)

KTC ในยุคแรก ๆ หมักหมมไปด้วยปัญหาต้นทุนการตลาดที่สูงเว่อร์จนกัดกร่อนกำไร ทำให้ผลประกอบการออกมาไม่ค่อยสู้ดี โดยเฉพาะในยุค “นิวัตต์ จิตตาลาน” ซึ่งทุ่มงบการตลาดก้อนโตกับการปั้นแบรนด์และเอนเตอร์เทนนักข่าว โอเค…แม้จะทำให้แบรนด์บัตรเครดิตเคทีซีเป็นที่รู้จักมากขึ้น แต่ต้องแลกมาด้วยมาร์จิ้นที่บางเฉียบ ส่งผลให้ปี 2554 มีตัวเลขขาดทุนมโหฬารกว่า 1.6 พันล้านบาท

กระทั่งช่วงปี 2555 ผลัดใบมาสู่ยุคที่มี “ระเฑียร” เข้ามากุมหางเสือ…ก็มีการปรับโครงสร้างทางการเงินและลดต้นทุนที่ไม่จำเป็น ทำให้มาร์จิ้นดีวันดีคืน หลังจากนั้นเริ่มรีแบรนดิ้ง ทำให้ KTC เป็นบัตรเครดิตที่แข็งแกร่ง สามารถสู้รบปรมมือกับคู่แข่งในตลาดได้…ครองมาร์เก็ตแชร์เป็นอันดับต้น ๆ ของตลาด

ในแง่โครงสร้างธุรกิจ จากเดิมมีแค่ธุรกิจบัตรเครดิต ก็ขยับขยายไปทำธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล และเมื่อปี 2562 ก็แตกไลน์ไปสู่ธุรกิจสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน ภายใต้ชื่อ KTC พี่เบิ้ม” กลายเป็นขาที่ 3 ของ KTC..!!

แต่ไม่หมดเท่านั้น เพราะ KTC ยังงอกขาใหม่ไปสู่ธุรกิจลีสซิ่ง ด้วยการไปเซ้งบริษัท กรุงไทยธุรกิจลีสซิ่ง จำกัด มาจากบริษัทแม่ KTB เพิ่มขาที่ 4 เข้ามา..!?

ตลอดช่วง 12 ปีที่ผ่านมา ภายใต้การกุมหางเสือของ  “ระเฑียร” (หลังจากต่อวาระมาแล้วหลายรอบ) ทั้งผลักและดันจนทำให้ KTC เติบใหญ่ จากเมื่อปี 2555 เคยมีรายได้อยู่ที่ 12,622 ล้านบาท กำไรสุทธิ 255 ล้านบาท ล่าสุดปี 2565 มีรายได้รวมอยู่ที่ 23,170 ล้านบาท ฟาดกำไรไป 7,079 ล้านบาท ขณะที่ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2566 มีรายได้รวม 12,240 ล้านบาท ตุนกำไรสุทธิไว้แล้ว 3,677 ล้านบาท…

ดังนั้น ถ้าไม่สะดุดยอดหญ้าไปซะก่อน…นักวิเคราะห์คาดว่าน่าจะเห็นตัวเลขกำไรอย่างน้อย ๆ ไม่ต่ำกว่า 7,000 ล้านบาทอะนะ

ก็ถือว่า “ระเฑียร” วางรากฐาน KTC ได้แน่นปึกทีเดียว..!!

แต่โจทย์ใหญ่ของหางเสือเรือคนใหม่จะสามารถผลักดันกำไรให้แตะ 10,000 ล้านบาทได้หรือไม่..? ท่ามกลางธุรกิจบัตรเครติดที่แข่งกันดุ ส่วนธุรกิจสินเชื่อบุคคลก็เดือด ด้านสินเชื่อ KTC พี่เบิ้ม (จำนำทะเบียนรถ) ก็เป็นทะเลสีเลือด ขณะที่ธุรกิจลีสซิ่ง ก็เต็มไปด้วยคู่แข่งมากหน้าหลายตา…อันนี้น่าจับตา

แต่ “พิทยา” คงเป็นคนที่ “ระเฑียร” เลือกมาแล้ว…เพราะเป็นลูกหม้อคนสำคัญของ KTC โดยทำงานในสายงานการตลาดกับเคทีซีมายาวนานกว่า 26 ปีแล้ว ก็น่าจะรู้ไส้รู้พุง รู้ถึงวัฒนธรรมองค์กรเป็นอย่างดี…อย่างน้อย ๆ “ระเฑียร” ก็คงถ่ายทอดวิชาไว้ให้เยอะแหละ…

ส่วนโจทย์ใหญ่ปั้นกำไรให้ได้ 10,000 ล้านบาท ดูเหมือนไม่ไกล ว่าแต่เมื่อไหร่จะไปถึงคะเนี่ย…อยากรู้จัง..!!??

…อิ อิ อิ…

Back to top button