หลอกไปทุบอีกแล้ว!

ถ้าพูดกันตามตรงก็ต้องบอกว่า “โมนิก้า” ตกอยู่ในสภาวะถูกปั่นหัวจนไปไม่เป็น เพราะสัปดาห์ก่อนตลาดหุ้นเพิ่งดีดตัวขึ้นแรง


ถ้าพูดกันตามตรงก็ต้องบอกว่า “โมนิก้า” ตกอยู่ในสภาวะถูกปั่นหัวจนไปไม่เป็น เพราะสัปดาห์ก่อนตลาดหุ้นเพิ่งดีดตัวขึ้นแรง พร้อมกับมีความหวังที่จะได้เห็นการตั้งลำเพื่อรอเวลาขึ้นใหม่ แต่วันนี้ดันกลายเป็นตรงกันข้ามกับสิ่งที่คิดอย่างสิ้นเชิง เพราะทันทีที่เปิดตลาดหุ้นปุ๊บ ก็โดนสาดยับแบบไม่มีเยื่อใย จนดัชนีลงมายืนปิดที่ระดับ 1,427.11 จุด ลบไป 23.64 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.62 หมื่นล้านบาทไงล่ะคะ

ที่น่าสนใจคือ สัปดาห์ก่อนทุกคนมองว่า โลว์เก่าที่ดัชนีลงมาแตะบริเวณ 1,423 จุด น่าจะเป็นฐานที่มั่นสำคัญสำหรับการตั้งลำ แต่วานนี้กลับถูกถล่มเละตลอดทั้งวัน จึงทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงกว่าเดิมแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นช็อตที่ไม่เหมาะต่อการลงทุนอีกต่อไป เพราะการเด้งขึ้นแต่ละรอบก่อนหน้านี้ส่อไปในทาง “หลอกไปทุบ” มากกว่าซื้อกลับอย่างจริงจัง และเรื่องลักษณะนี้ก็เกิดขึ้นให้เห็นมาแล้ว 3 ครั้ง และถ้ารวมรอบนี้เข้าไปด้วยก็เป็นครั้งที่ 4 นะตัวเอง

แย่ไปกว่านั้นก็คือ แรงซื้อหุ้นแบงก์ กับไฟแนนซ์ที่เข้ามาสัปดาห์ก่อน ก็หายวับไปในชั่วพริบตา และถูกแทนที่ด้วยแรงขายจำนวนมหาศาล รวมถึงปัญหาสงครามที่ส่อขยายวงกว้างออกไปอีก ทั้งที่สัปดาห์ก่อนตลาดหุ้นทั่วโลกก็รับรู้ถึงเรื่องร้อนตรงนี้กันหมด แต่เพิ่งตระหนักถึงแรงบีบคั้นที่เกิดขึ้นแบบนี้ มันเป็นเรื่องที่ทำให้เดี๊ยน so sad อย่างหนัก เพราะมองไม่เห็นจุดรับหุ้นมันอยู่ตรงไหนน่ะซี

โดยเฉพาะอาการปึ๋งปั๋งที่เกิดขึ้นกับ XPG เมื่อสัปดาห์ก่อนทำให้คิดว่า น่าจะต้านแรงขายที่ออกมาอยู่หมัด แต่เอาเข้าจริงกลับโดนสอยร่วงไม่เป็นท่า ก่อนจะยืนปิดที่ระดับ 1.12 บาท ลบไป 0.08 บาท หรือลงไป 6.67% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 180 ล้านบาท มันเหมือนเป็นการย้ำหัวหมุดว่า หุ้นมีโอกาสลงไปหาโลว์เก่าที่บริเวณ 0.90 บาทค่อนข้างสูง แถมธุรกิจที่ทำทุกวันนี้ก็ไม่รู้จะไปทางไหน? เลยไม่รู้ว่า จะเอาอย่างไรกับหุ้นตัวนี้จ้า

ขนาดเจ้าพ่อเครื่องดื่มชูกำลังอย่าง CBG ทำผลงานพอไปวัดไปวายังโดนขายไม่เลิก จนวานนี้ลงมายืนปิดที่ระดับ 69.50 บาท ลบไป 3 บาท หรือลงไป 4.14% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 958 ล้านบาท ท่ามกลาง PE 44 เท่า โดยครั้งก่อนทำโลว์ไว้ที่ระดับ 61.25 บาทแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นไฟต์บังคับที่ทำให้สถาบันต้องขายหุ้นต่อไปเรื่อย ๆ เพราะทุกคนกำลังกังวลว่า อาจเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 จึงเร่งระบายหุ้นออกมาให้เยอะสุดพะย่ะค่ะ

ประเด็นนี้เชื่อมโยงกับความกังวลที่มีต่อหุ้น JMT แบบเต็ม ๆ เพราะเปเปอร์ที่ปลิวว่อนในขณะนี้ มีการพูดถึงยอดเก็บหนี้ลดลง และปัญหาต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น มันกระทบต่อความสามารถในการทำกำไร วานนี้เลยเป็นอีกวันที่หุ้นโดนขายแบบหนักหน่วง จนราคาหุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 34 บาท ลบไป 4 บาท หรือลงไป 10.53% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.83 พันล้านบาทพร้อมกับทำดับเบิ้ลโลว์แบบนี้..มีลุ้นเด้งกลับสูงมากเจ้าค่ะ

ส่วนรายที่ถูกจนไม่น่าเชื่อ “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น IRPC เป็นรายถัดมา เพราะเมื่อดูจาก BV ที่ระดับ 3.77 บาท เทียบกับการยืนปิดที่ระดับ 1.98 บาท ลบไป 0.04 บาท หรือลงไป 1.98% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 145 ล้านบาท เดี๊ยนย่อมมองเป็นอาการที่เรียกกันว่า โอเว่อร์แอคติ้ง! แต่ถ้ามองในมุมของต้นทุนในการทำธุรกิจที่สูงขึ้น อันเป็นผลมาจากราคาน้ำมันดิบเตรียมจะทะลุ 100 เหรียญแบบนี้..ก็อย่าเข้าไปยุ่งดีกว่านะคะ

ขนาดหุ้นที่มีพื้นฐานแน่นเปรี๊ยะ และกำลังอยู่ในช่วงทำผลงานได้ดีอย่างหุ้น XO ยังถูกรินขายทุกครั้งที่เปลี่ยนฐานใหม่แบบนี้..หากมองเป็นเรื่องดี ก็ต้องบอกให้รู้ว่า นี่คือการทดสอบแรงขาย แต่ถ้ามองในมุมร้าย ก็ต้องบอกให้รู้ว่า นี่อาจเป็นการหมดรอบ “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักเล่นประเมินกันเล่น ๆ ว่า หากปีนี้บริษัททำกำไรต่อหุ้นขึ้นไปถึงระดับ 1.40 บาท ราคาหุ้นควรขึ้นไปตรงไหน? ต่อจากนั้นจะรู้ว่า การยืนปิดที่ 33.75 บาท ลบไป 2.25 บาท หรือลงไป 6.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 251 ล้านบาท น่าเล่นไหม?..อิอิอิ

ตบท้ายกันที่เรื่องเดินหน้าชนแบบสุดซอยของ EA มันทำให้สังคมได้เห็นการออกมาตีแผ่พฤติกรรมของ กกพ. อาจส่อไปในทางไม่โปร่งใส หลังศาลปกครองมีคำสั่งระงับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานลม 1,500 เมกฯ พร้อมกับให้เหตุผลว่า ผู้ถูกฟ้องยังไม่แจงข้อเท็จริงให้เป็นที่ประจักษ์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกณฑ์การประเมิน หรือเกณฑ์การให้คะแนน รวมทั้งเรื่องการใช้ดุลยพินิจแบบนี้..ล้วนเป็นเรื่องที่สังคมใคร่อยากรู้กันทั้งนั้น จึงควรรีบแจงรายละเอียดต่าง ๆ เสียทีนะพ่อคุณ!

Back to top button