หุ้นเด่นทำกระเป๋าฉีก
ถ้าประเมินสถานการณ์ตลาดหุ้นไทยจากปัจจัยต่าง ๆ ที่เข้ามากระทบเป็นเวลาหลายเดือน “โมนิก้า” ต้องยอมรับตามตรงว่า ตลาดหุ้นไทยมีภูมิต้านทานที่น้อยมาก ๆ จนถึงน้อยที่สุด
ถ้าประเมินสถานการณ์ตลาดหุ้นไทยจากปัจจัยต่าง ๆ ที่เข้ามากระทบเป็นเวลาหลายเดือน “โมนิก้า” ต้องยอมรับตามตรงว่า ตลาดหุ้นไทยมีภูมิต้านทานที่น้อยมาก ๆ จนถึงน้อยที่สุด แถมยังต้องเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจในประเทศชะลอตัว จึงทำให้นักลงทุนกลุ่มต่าง ๆ หยุดเทรดเป็นการชั่วคราว ผนวกกับนักเล่นค้นพบสัจจธรรมในการลงทุนว่า ราคาหุ้นที่เห็นว่าถูกแล้ว..ก็ยังมีราคาที่ถูกกว่าให้ซื้อไม่อั้นแบบนี้.อยู่เฉย ๆ ดีกว่าจ้า!
งานนี้ไม่จำเป็นต้อง “ยกแม่น้ำทั้งห้า” มาชักจูงให้เชื่อตาม เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาคือประจักษ์พยานที่ชี้ให้เห็นว่า ตลาดหุ้นไทยตกอยู่ภายใต้อิทธิพลต่างประเทศอย่างเต็มตัว และการที่หุ้นไทยวิ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 1,433.40 จุด บวกไป 6.29 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.85 หมื่นล้านบาท คงเป็นเพียงการเด้งกลับช่วงสั้นเหมือนที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เดี๊ยนเลยเชื่อว่า คนที่ออกของไม่ทัน ก็คงเจ็บตัวอีกตามเคยค่ะ
ตัวอย่างหนังเรื่องนี้ดูได้จากบรรดาหุ้นตัวเต็งที่คาดกันว่า น่าจะได้รับประโยชน์จากข่าวดี แต่เอาเข้าจริงกลับโดนรินขายไม่เลิก จนราคาหุ้นทำ “โลว์แล้วโลว์อีก” ก่อนจะยืนซึมกระทือเป็นสัปดาห์นั้น “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่แฟนคลับควรจะจำไว้บ้าง ถึงแม้ค่าสถิติต่าง ๆ สำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นไทยจะบอกว่า นี่คือจุดที่น่าลงทุน แต่แรงขายกลับไม่มีทีท่าจะเบาลงแต่อย่างใด จึงตีความได้อย่างเดียวว่า นักเล่นสถาบัน “โนสน โนแคร์” นะคุณพี่
โดยเฉพาะในรายของ OR ที่หัวเรือใหญ่อย่าง “ดิษทัต” ออกมา “ยืนยัน นั่งยัน” ผลงานของบริษัทปีนี้เป็นไปตามเป้าอย่างแน่นอน แต่แรงขายก็ยังถล่มใส่ไม่ว่างเว้น จนราคาหุ้นหลุดไอพีโอ 18 บาทไปพักหนึ่ง ก่อนจะตีกลับขึ้นมายืนเหนือไอพีโออีกครั้ง พร้อมกับแกว่งตัวออกด้านข้างมาระยะหนึ่ง จนวานนี้เห็นหุ้นยืนปิดที่ระดับ 18.40 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 0.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 142 ล้านบาทแบบนี้..น่าสนใจไหมล่ะคะ
คล้ายกับสถานการณ์ของหุ้น TIDLOR ก็พยายามดีดตัวขึ้นเป็นระยะ แต่ไม่อาจฝ่ากระแสแรงขายที่มีดฟ้ามัวดินได้ ส่งผลให้ราคาหุ้นซึมลงเป็นแรมเดือน จนวานนี้เดี๊ยนเห็นหุ้นยืนปิดเสมอตัวที่ระดับ 20.30 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 252 ล้านบาท เลยสงสัยว่า จังหวะนี้เหมาะต่อการเก็บหุ้นเข้าพอร์ตจริงเหรอ? เพราะเที่ยวก่อนเพิ่งทำให้แมงเม่าพอร์ตพังกันเป็นแถบน่ะซี
เม้าถึงพอร์ตพังขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ขอมองไปที่หุ้น OSP เป็นรายถัดมา เพราะเป็นหนึ่งในหุ้นหลายตัวที่ทำขาดทุนยับ จากราคาหุ้นที่เคยยืนอยู่แถว 30 บาทเมื่อเดือน ส.ค. มาวันนี้ราคาหุ้นยืนปิดเสมอตัวอยู่ที่ระดับ 23.90 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 185 ล้านบาท และทำท่าจะทรุดตัวลงไปอีกเรื่อย ๆ มันเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับภาวะลงทุน รวมถึงความกังวลที่มีต่อผลงานแบบนี้..รอดยากค่ะ
ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้น GPSC ขึ้นมาอีกครั้ง เพราะเป็นหุ้นที่มีการแนะนำว่า หุ้นต่ำกว่าราคาเหมาะสมค่อนข้างเยอะ! แต่จนบัดนี้ยังไม่มีแววจะกลับตัวเป็นขาขึ้นได้เสียที! เดี๊ยนเลยไม่แน่ใจว่า การยืนปิดที่ระดับ 40.50 บาท บวกไป 0.25 บาท หรือขึ้นไป 0.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 261 ล้านบาท ท่ามกลาง PE 88 เท่า มันน่าสนใจตรงไหน?..ใครพอมีความรู้เกี่ยวกับหุ้นตัวนี้ ช่วยไขข้อข้องใจทีเถอะ!
เหมือนกับในรายของ SRS ที่ใครบางตัวเม้าท์เป็นตุเป็นตะว่า อนาคตสดใสยิ่งกว่าท้องฟ้าสีคราม แต่เอาเข้าจริงกลับเต็มไปด้วยความมืดมน เพราะจนป่านนี้ยังไม่รู้เลยว่า วันแรกใครเป็นคนสาดหุ้นทิ้งแบบไม่แยแสเจ้าของ ราคาหุ้นถึงรูดทะลุไอพีโอ 16 บาทลงมาอย่างง่ายดาย และลงไปทำจุดต่ำสุดที่บริเวณ 11.90 บาท ขณะที่วานนี้หุ้นยืนปิดที่ระดับ 11.60 บาท ลบไป 1.20 บาท หรือลงไป 9.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 109 ล้านบาท มันสื่ออะไร?..น้องเดือนช่วยตอบหน่อยจ้า!
ไหน ๆ ก็เล่นกับของร้อนกันทั้งที “โมนิก้า” ขอมองไปที่หุ้น BLESS เพื่อชี้ให้เห็นอาการโอเว่อร์แอคติ้งที่เกิดขึ้นกับหุ้นตัวนี้ มันเป็นเรื่องปกติที่พบเห็นได้เป็นระยะ จึงไม่ต้องถามหาเหตุผลที่ราคาหุ้นขึ้นมาปิดในระดับ 0.78 บาท บวกไป 0.14 บาท หรือขึ้นไป 21.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 55 ล้านบาท ท่ามกลาง PE 11 เท่า และเมื่อเทียบกับหุ้นอสังหาฯ ตัวอื่นที่เทรดบน PE หลักเดียว ก็จะเห็นว่า หุ้นตัวนี้เสี่ยงเกินไปเจ้าค่ะ