พาราสาวะถี

หลังรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 และตั้งรัฐบาลขับเคลื่อนงานได้แค่เดือนเศษ เศรษฐา ทวีสิน ได้เดินทางพบปะกับ 3 ผู้นำชาติมหาอำนาจได้ครบทั้ง โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา สี จิ้น ผิง ผู้นำจีน และ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย โดยการเดินทางไปยังสองประเทศคือสหรัฐฯ และจีนนั้น จะเห็นได้ว่านอกเหนือจากหัวโขนความเป็นผู้นำประเทศแล้ว เศรษฐายังได้ทำหน้าที่เซลส์แมนพบปะเชิญชวนนักลงทุนยักษ์ใหญ่ของทั้งสองชาติให้มาลงทุนในประเทศไทยด้วย

โดยเฉพาะการเดินทางเยือนแดนมังกรนั้น เศรษฐาหนีบเอาขาใหญ่ภาคเอกชนทั้ง สนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และ กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่และเลขานุการบริษัท ธนาคารกรุงเทพ  จำกัด (มหาชน) ในฐานะตัวแทนสมาคมธนาคารไทย ร่วมคณะไปด้วย โดยคนเหล่านี้ได้เห็นการทำหน้าที่ของท่านผู้นำแล้วต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ให้คะแนนเกินร้อยในความมุ่งมั่น ตั้งใจทำงานเพื่อบ้านเมือง

การการันตีที่ว่า “นายกฯ ค่อนข้างเข้าใจปัญหาและเข้าใจการแก้ไขปัญหา” ก็น่าจะเป็นการชี้ให้เห็นว่าประเทศได้ผู้นำที่จะตอบโจทย์ในการเผชิญกับสถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจที่จะต้องสังคายนากันครั้งใหญ่ ไม่มีใครชี้ว่านโยบายดิจิทัลวอลเล็ตเป็นสิ่งที่ไม่เกิดประโยชน์ อาจจะแตกต่างกันไปในแง่ของความเห็นต่อเครื่องไม้เครื่องมือที่จะใช้ดำเนินการ โดยที่ภาคเอกชนเห็นว่าเรื่องแอปพลิเคชันที่จะใช้ควรเป็นของเดิมดีกว่า

โดยที่ประธานหอการค้าฯ มองว่า อยากจะให้ใช้แพลตฟอร์มที่มีอยู่แล้ว เช่น “เป๋าตัง” ของธนาคารกรุงไทย นอกจากนี้ ยังมีแพลตฟอร์มของเอกชนต่าง ๆ ใช้ของที่มีอยู่แล้ว จะสามารถใช้ได้ทันที ไม่ต้องไปลงทุนทำใหม่ และเมื่อมีการสร้างงานแล้วก็จะทำให้เงินเข้าระบบการหมุนเวียนหลายรอบด้วยกัน ก็จะเป็นสิ่งที่ดี นี่จึงเป็นสิ่งที่เศรษฐาย้ำแล้วย้ำอีกว่า ต้องมีคณะกรรมการที่มีตัวแทนจากทุกภาคส่วนได้ถกเถียงกันให้ตกผลึก มีบทสรุป แล้วชี้แจงกันคราวเดียวเพื่อไม่ให้เกิดแรงกระเพื่อม สร้างความสับสน

มีแนวร่วมที่เป็นขาใหญ่ขนาดนี้แล้ว เชื่อว่าเสียงคัดค้านอื่น ๆ ที่พยายามหาเหตุเล่นงาน มันก็เป็นเพียงแค่หนึ่งเสียงหรือหลายเสียงที่ต้องรับฟัง แต่เมื่อผ่านการถกเถียงจนเกิดเป็นข้อสรุปแล้ว คนส่วนใหญ่เห็นอย่างไรถือว่าจบ ส่วนใครที่ยังอารมณ์ค้างต้องการที่จะเล่นงานต่อด้วยเหตุผลใดก็ตาม ควรรอให้มีการดำเนินการหรือจะไปยื่นร้องก่อนหน้าต่อองค์กรที่คิดว่าน่าจะตรวจสอบหรือทัดทานการเดินหน้าโครงการได้ ก็เป็นสิทธิที่สามารถทำได้

บทบาทบนเวทีโลกจากการเดินสายร่วมการประชุมของเศรษฐานับตั้งแต่ครั้งประชุมใหญ่สมัชชาสหประชาชาติ ครั้งที่ 78 ที่นครนิวยอร์ก จนมาถึงเวทีการประชุมข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง ที่จีน การสัมผัสมือกับผู้นำแต่ละประเทศ การหารือทั้งระดับทวิภาคี พหุภาคี ถือว่าผู้นำประเทศไทยได้แสดงถึงความเป็นมืออาชีพในการบริหาร เข้าใจธรรมเนียมปฏิบัติและวิถีทางการทูตได้อย่างถ่องแท้ จึงทำให้เกิดการยอมรับและพร้อมที่จะก่อให้เกิดความร่วมมืออย่างเต็มใจ ผิดกับยุคสมัยก่อนหน้ากว่า 9 ปีที่ผ่านมา

แม้จะมีอดีตนักการทูตใหญ่มากุมบังเหียนดูแลงานด้านการต่างประเทศ แต่การเจริญสัมพันธไมตรีกับนานาอารยะประเทศ กลับเป็นไปในรูปแบบที่กระมิดกระเมี้ยน อาจจะด้วยเหตุที่ตั้งต้นมาจากรัฐบาลเผด็จการ แล้วต่อด้วยการเป็นเผด็จการสืบทอดอำนาจ แต่นั่นก็เป็นเหตุหนึ่งที่บางประเทศจะยกมาตั้งการ์ดในการคบค้าสมาคม ปัจจัยสำคัญมันอยู่ที่ท่าทีด้านการต่างประเทศของฝ่ายกุมอำนาจมากกว่า ที่พบว่าดำเนินไปในลักษณะสร้างศัตรูมากกว่าแสวงหามิตร เลือกคบบางประเทศที่ถือหางขบวนการสืบทอดอำนาจ แล้วตั้งตนเป็นปฏิปักษ์หรือไม่อยากคบค้าสมาคมกับประเทศที่ไม่ยอมรับพวกที่มีคราบไคลเผด็จการ

จึงถือได้ว่าประเทศไทยถูกปิดกั้นโอกาสในการที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนา ต่อยอดความก้าวหน้าในด้านต่าง ๆ จากประเทศที่พัฒนาแล้ว เหมือนหลายประเทศในภูมิภาคได้รับโอกาส มิหนำซ้ำ ยังสร้างความอึดอัดใจให้กับบรรดาภาคเอกชนที่จะต้องคบค้าสมาคมกับต่างชาติ แต่ไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างที่ควรจะเป็นจากรัฐบาล ดังนั้น เราจึงได้เห็นความคึกคักกลับมาในทันทีทันใดที่ประเทศได้ผู้นำที่มาจากการเลือกตั้งอย่างแท้จริง มีความเข้าใจต่อความจำเป็น พร้อมให้ความสำคัญในการสนับสนุนภาคเอกชนที่จะเจรจา และแสวงหาความร่วมมือด้านการลงทุนและการซื้อขายแลกเปลี่ยนกับต่างชาติอย่างแท้จริง

เมื่อวันที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ประกาศ ศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด 11 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือระบอบสนธิ-จำลอง หลังบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.ยื่นฟ้องล้มละลาย ถือเป็นบทพิสูจน์กระบวนการยุติธรรมอีกหนึ่งเรื่อง และสะท้อนสัจธรรมของนักเคลื่อนไหวที่มีเบื้องลึกเบื้องหลัง หาใช่การยึดมั่นในอุดมการณ์ ความถูกต้องตามที่กล่าวหา บั้นปลายที่หวังจะใช้ชีวิตให้สงบสุข กลับกลายเป็นความทุกข์ใจแสนสาหัส

อย่างน้อยแกนนำของระบอบสนธิ-จำลอง นอกเหนือจาก สนธิ ลิ้มทองกุล น่าจะดีใจเสียด้วยซ้ำที่พบว่าคดีความอันเกิดจากการชุมนุมทั้งหลายนั้น ยังรอดคุกรอดตะรางกันมาได้ ไม่ต่างจากแกนนำม็อบนกหวีด ผิดกับพวกคนเสื้อแดงที่บรรดาแกนนำผลัดกันเข้าออกคุกเป็นว่าเล่น สะท้อนให้เห็นถึงการดำเนินการของกระบวนการยุติธรรมตั้งต้น จนทำให้เกิดการยื่นร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมกับผู้ต้องหาคดีการชุมนุมทางการเมืองของพรรคก้าวไกล เพียงแต่หนนี้มีพ่วงผู้กระทำผิดในมาตรา 112 เข้ามาด้วยเท่านั้น

ไม่ว่าบทสรุปของแต่ละม็อบจะเป็นอย่างไร ม็อบที่ทำให้เห็นว่าแกนนำที่มีอุดมการณ์ที่ยังคงได้รับเสียงชื่นชมจากคนรุ่นใหม่คงเป็นส่วนของคนเสื้อแดง แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นกับทุกคน เนื่องจากบางรายวันนี้กลายเป็นเพียงแค่สิ่งชำรุดทางอุดมการณ์ หาหัวโขนอ้างว่าคณะหลอมรวมประเทศเพื่อใช้ทำมาหากินจากการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลและการเมือง ในแง่มุมที่อ้างว่ามีการข่าวที่ลึกซึ้งเท่านั้น ทั้งที่จริงเป็นที่รู้กันนับตั้งแต่ออกคุกมาหนล่าสุดก็ไปศิโรราบกราบแทบเท้ารับเศษทานจากแกนนำเผด็จการสืบทอดอำนาจบางคนจนปากมัน