อยากซื้อ..แต่กลัว
วันนี้ “โมนิก้า” ขอเริ่มต้นกันที่ประเด็นสลับวันหยุดช่วงปีใหม่ของรัฐบาล “เสี่ยนิด” เพื่อชี้ว่า สังคมส่วนใหญ่เขางงเต้กกับวิธีคิดของคนเหล่านี้
วันนี้ “โมนิก้า” ขอเริ่มต้นกันที่ประเด็นสลับวันหยุดช่วงปีใหม่ของรัฐบาล “เสี่ยนิด” เพื่อชี้ว่า สังคมส่วนใหญ่เขางงเต้กกับวิธีคิดของคนเหล่านี้ เพราะแบบเดิมก็เป็นการหยุดต่อเนื่องสี่วันอยู่แล้ว และยังทำให้ผู้คนทั่วไปได้เฉลิมฉลองกับครอบครัวกันอย่างเต็มที่ รวมทั้งมีเวลาพักผ่อนในการฟื้นร่างกายเพื่อกลับมาทำงาน ขณะที่วันหยุดแบบใหม่ที่เริ่มต้นให้หยุดวันที่ 29 ธ.ค.-1 ม.ค. เหมือนเป็นการบังคับให้ทุกคนต้องรีบกลับแบบนี้..มันเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจประสาอะไรคะ
ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ ประเด็นดังกล่าวทำให้บางคนนึกถึงเหตุการณ์ในอดีตเมื่อครั้ง “โทนี่” ประกาศให้วันที่ 31 ธ.ค. 46 ให้เป็นวันทำงาน โดยให้ไปหยุดวันที่ 2 ม.ค. 47 แทน พร้อมกับอ้างไม่อยากให้ข้าราชการเสียวันลา และอยากให้หยุดต่อเนื่อง แต่ในขณะเดียวกันก็ดันมีข่าวไปพัวพันกับการโอนที่ดินรัชดาฯ ขึ้นมาเสียอย่างนั้น! “โมนิก้า” ถึงสงสัยว่า รัฐบาลชุดนี้หาเรื่องให้คนด่าทำไม? แถมครั้งก่อนเพิ่งโดนด่าเรื่องจ่ายเงินเดือนข้าราชการ 2 รอบไปหยก ๆ..เสี่ยนิดทำเพื่อ?
ประเด็นถัดมาก็เป็นเรื่องการดีดตัวของดัชนีขึ้นมาปิดที่ระดับ 1,401.70 จุด บวกไป 10.67 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.43 หมื่นล้านบาท ก็มาจากอิทธิพลต่างประเทศล้วน ๆ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เห็นได้เป็นประจำในช่วงที่ผ่านมา “โมนิก้า” ถึงไม่มีความรู้สึกตื่นเต้นแต่อย่างใด เพราะแฟนคลับก็คงคิดเหมือนกับเดี๊ยน และกำลังครุ่นคิดอย่างหนักว่า ซื้อดีไหม? แต่ในขณะเดียวกันก็กลัวจะขาดทุนอีก! เลยต้องนั่งดูอยู่เฉย ๆ จ้า!
โดยเฉพาะในรายของ SCB ที่โดนถล่มหลักจนร่วงหลุด 100 บาทอย่างรวดเร็ว ก่อนจะตีกลับขึ้นมาปิดที่ระดับ 98.25 บาท บวกไป 2.25 บาท หรือขึ้นไป 2.34% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.25 พันล้านบาท ถือเป็นช็อตที่น่าเล่นมาก ๆ ในแง่ของหุ้นที่เด้งกลับเร็ว แต่ในขณะเดียวกันก็กลัวฝรั่งจะหลอกไปเชือด จึงทำได้แค่นั่งดูอยู่ห่าง ๆ และรอลุ้นวันนี้จะประคองตัวได้ไหม? ต่อจากนั้นถึงจะกระโจนเข้าใส่..คุณ ๆ คิดแบบนี้ใช่ไหม?..อิอิอิ
เช่นเดียวกับในรายของ CPALL ที่เริ่มผงกหัวขึ้นอีกครั้งนั้น อาจเป็นหุ้นที่น่าสนใจในสายตาใครบางคน แต่สำหรับเดี๊ยนอาจไม่คิดเช่นนั้น เพราะเมื่อดูจากสภาพเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัว พ่วงด้วยกำลังซื้อของผู้คนที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด “โมนิก้า” ถึงมองว่า การยืนปิดที่ระดับ 56.75 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 1.79% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.10 พันล้นบาท ท่ามกลาง PE 32 เท่า ในจังหวะที่สถาบันไม่เล่น..หุ้นเลยมีอาการ “งึก ๆ งัก ๆ” ไงล่ะ
ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้น SNNP เพื่อชี้ให้เห็นสถานการณ์ของธุรกิจขนมขบเคี้ยวกำลังเดินมาถึงทางตันหรือเปล่า? เพราะเมื่อดูจากผลงานที่เติบโตไตรมาสละ 3-4% แถมมาเจอสินค้าที่ออกมาเลียนแบบ จึงกลายเป็นแรงบีบคั้นที่ทำให้สถาบันทิ้งหุ้นยับ เดี๊ยนเลยต้องถามแฟนคลับว่า การยืนปิดที่ระดับ 16.90 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 2.87% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 99 ล้านบาท เสี่ยงไหม?
สถานการณ์ดังกล่าวคล้ายกับกรณีของหุ้นยางมะตอย TASCO หลังฟื้นตัวอย่างช้า ๆ ตั้งแต่ต้นเดือน ก่อนกระชากขึ้นแรงเป็นวันที่สองติดต่อกัน จนยืนปิดที่ระดับ 18.10 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 2.84% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 287 ล้านบาท มันน่าจะล้อไปกับผลงานที่มีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น ขณะเดียวกันก็ต้องเม้าท์กับขาลุยว่า การที่หุ้นเทรดบน PE 8 เท่ามันน่ากลัวไหม? ต่อจากนั้นคุณ ๆ ก็คงคิดได้เองว่า ไฮเดิมที่ทำไว้บริเวณ 21 บาทมีความเป็นไปได้ขนาดไหน?
เรื่องข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้น LH เพื่อชี้ให้เห็นการยืนปิดที่ระดับ 7.30 บาท บวกไป 0.05 บาท หรือขึ้นไป 0.69% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 390 ล้านบาท ท่ามกลาง PE 12 เท่า ทั้งที่หุ้นอสังหาฯ ตัวอื่นเทรดบนพีอีไม่เกิน 10 เท่าแบบนี้ มันเป็นโอกาสของการเล่นสั้นที่มาพร้อมกับความเสี่ยง ซึ่งนักเล่นต้องประเมินความไวของตัวเองว่า เหมาะที่จะเข้าเล่นหุ้นตัวนี้ไหม? เพราะมันเห็นกันทนโท่ว่า หุ้นพีอีสูงโดนขายก่อนเป็นประจำน่ะซี
ขนาดหุ้นน้องมะพร้าว COCOCO มีทิศทางการเติบโตที่ชัดเจนสุด ๆ และยังมีพวกวีไอถือหุ้นเยอะแยะ หุ้นยังทำได้แค่ประคองตัวไม่ให้หลุด 9 บาทแบบนี้ “โมนิก้า” เลยเชื่อว่า นี่เป็นหุ้นที่เหมาะต่อการลงทุนจริง ๆ หรือใครอยากจะเล่นสั้น ๆ ก็ไม่ควรมองข้ามหุ้นตัวนี้ เพราะการที่หุ้นขยับตัวขึ้นมาปิด 9.05 บาท ราคาหุ้นไม่เปลี่ยนแปลง ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 203 ล้านบาท มันเป็นโมเมนตัมที่ดีไงล่ะคะ