พาราสาวะถี
เสร็จสิ้นพิธีกรรมเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารชุดใหม่เป็นที่เรียบร้อย ไม่มีอะไรพลิกโผ “อุ๊งอิ๊ง” ได้รับเลือกเป็นผู้นำเพื่อไทยคนที่ 8
เสร็จสิ้นพิธีกรรมเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารชุดใหม่เป็นที่เรียบร้อย ไม่มีอะไรพลิกโผ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร ได้รับเลือกเป็นผู้นำเพื่อไทยคนที่ 8 พร้อมทีมงานคนรุ่นใหม่ แซมด้วยผู้อาวุโสที่ช่ำชองงานเฉพาะด้านอย่าง ชูศักดิ์ ศิรินิล นั่งรองหัวหน้าพรรคดูงานกฎหมาย ร่วมด้วยคนหนุ่มสาวและวัยกลางคนที่มีความคิดทางการเมืองแบบใหม่ ซื้อใจนักเคลื่อนไหวและคนรุ่นหลังที่เข้าใจบริบททางการเมืองของประเทศไทยเป็นอย่างดี
ที่ทำเอาบรรยากาศความชื่นมื่นของพรรคแกนนำรัฐบาลเกือบกร่อยหลังจากที่ตัวหัวหน้าพรรคคนใหม่ คือการขึ้นเวทีแสดงความยินดีกับอุ๊งอิ๊งของ เศรษฐา ทวีสิน ที่ใช้ธรรมเนียมแบบฝรั่งคว้ามือลูกสาวคนเล็กของ ทักษิณ ชินวัตร มาจุมพิตบนหลังมือ จนถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางถึงความเหมาะสม ส่วนคอการเมืองก็มองไปถึงการเตรียมส่งมอบเก้าอี้นายกรัฐมนตรีให้กับตัวจริง ทั้งที่กรณีดังกล่าวไม่มีทางที่จะเกิดขึ้นภายในระยะเวลาอันใกล้นี้
รู้ทั้งรู้ว่าถูกจับจ้องอย่างหนักโดยเฉพาะกับพวกขาประจำ บรรดากองแช่งทั้งหลาย แต่เศรษฐาก็ยังแสดงออกเช่นนี้ นั่นย่อมชี้ให้เห็นถึงความมั่นใจ ความเป็นตัวของตัวเองของท่านผู้นำได้เป็นอย่างดี เมื่อเชื่อว่าสิ่งที่ทำไม่ได้ผิด ไม่ได้น่าเกลียด ไม่ได้เสียหาย ใครจะว่าอย่างไรก็ห้ามความคิดคนไม่ได้ พวกไม่ชอบต่อให้ทำดีอย่างไรมันก็เกลียด มากไปกว่านั้นสังคมไทยบางด้านก็เป็น “สังคมดัดจริต” ปากว่าตาขยิบ เหมือนเรื่องคาสิโนถูกกฎหมาย อ้างไทยเป็นเมืองพุทธ แต่กลับมีบ่อนผิดกฎหมายเกลื่อนเมือง ยิ่งไปดูบ่อนถูกกฎหมายในประเทศเพื่อนบ้านที่นั่งกันหน้าสลอนก็ผีพนันคนไทยทั้งนั้น
พวกเสี้ยมจึงชอบที่จะนำสิ่งเหล่านี้ไปขยายผลหวังสร้างแนวร่วม ไม่ต่างกันกับกรณีของดิจิทัลวอลเล็ตที่มีความเห็นเลอะเทอะไปถึงขนาดเรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัวหากเห็นว่านโยบายดังกล่าวไม่เหมาะสม จึงไม่แปลกที่ อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย แค่หันมายิ้มให้กับนักข่าว ก่อนจะหัวเราะและเดินออกจากวงสัมภาษณ์ไปทันที หลังจากถูกถามในประเด็นนี้ ปัญหาของบ้านเมืองที่ต้องแก้จากการถูกแช่แข็งมากว่า 9 ปีมันมากมายมหาศาล คนที่เคยร่วมรัฐบาลสืบทอดอำนาจย่อมรู้ดีว่า สิ่งไหนควร (เร่ง) ลงมือทำ สิ่งไหนไม่ควรทำ
หากติดตามการทำงานของเศรษฐามาตลอดก็จะเข้าใจว่า เน้นการทำงานเป็นทีมไม่เลือกว่าทุกอย่างจะต้องเป็นผลงานของเพื่อไทยเท่านั้น มีการกระจายอำนาจและจัดสรรปันส่วนการบริหารงาน ตามความรับผิดชอบที่ได้มอบหมายหน้าที่ไปให้แล้ว ดังนั้น เมื่อพิจารณาจากระยะเวลาของการเข้าทำหน้าที่ในรัฐบาลด้วยระยะเวลาแค่ 2 เดือนก็จะเห็นได้ว่า บางกระทรวงขยับงานได้หลายเรื่องทั้งที่งบประมาณปี 2567 ยังไม่ได้ผ่านกระบวนการทางสภาฯ
โดยเฉพาะการช่วยเหลือแรงงานไทยที่ประสบชะตากรรมเสี่ยงชีวิตอยู่ในอิสราเอล จะได้เห็นความร่วมมือของแต่ละกระทรวงอย่างแข็งขัน อาจจะใช่ที่เป็นงานรูทีนของบรรดาข้าราชการประจำเมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ก็ต้องทำกันตามหน้าที่ แต่มันอยู่ที่ระดับบริหารหากนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีที่มีอำนาจมัวแต่เงื้อง่าราคาแพง กลัวโน่นเกรงนี่ก็ไม่มีทางที่จะช่วยผู้ที่ตกอยู่ในภาวะสงครามได้ทันท่วงที แต่หลังเกิดเหตุตั้งแต่ 7 ตุลาคมเป็นต้นมา ก็เห็นกันแล้วว่าคนในรัฐบาลนี้ทำงานกันเป็นทีมเวิร์กขนาดไหน
ตัวของเศรษฐาเองเมื่อได้ประกาศไว้กับประชาชนว่าจะทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ตั้งแต่วันแรกที่รับตำแหน่งจนถึงนาทีนี้ก็ยังคงเป็นเช่นนั้น แม้จะถูกตั้งกระทู้ถามสดในสภาว่าการเดินทางไปต่างประเทศถี่ยิบทั้งที่เพิ่งรับตำแหน่ง มันก่อให้เกิดประโยชน์ให้กับประเทศแค่ไหน เป็นธรรมดาของฝ่ายค้านหรือฝ่ายแค้นที่จะหาเหตุมาทักท้วง สร้างประเด็นได้ แต่สำหรับภาคธุรกิจเอกชนที่ได้ร่วมคณะไปกับผู้นำประเทศคงรับรู้ได้ว่าแต่ละประเทศที่เดินทางไปนั้นสิ่งที่ประเทศไทยจะได้รับกลับมามีค่าขนาดไหน
ดีที่ว่าเศรษฐาไม่ใช่นักการเมืองโบราณ มิเช่นนั้น คงจะย้อนถามแบบเปรียบเทียบ ระหว่างการเดินทางไปร่วมประชุมเวทีระดับโลกที่ประเทศไทยต้องเข้าร่วม และการไปเยือนประเทศต่าง ๆ ในฐานะผู้นำที่เพิ่งรับตำแหน่ง กับการเดินทางไปดูงานของตัวแทนฝ่ายนิติบัญญัตินั้น อย่างไหนที่สร้างประโยชน์และใช้งบประมาณแผ่นดินได้คุ้มค่ามากกว่ากัน เพราะเล่นเกมการเมืองแบบนี้นี่ไง มันจึงเป็นคำตอบของคำถามที่ว่า ทำไมประเทศจึงไม่พัฒนาเสียที
ยังคงชีพจรลงเท้าต่อไปสำหรับเศรษฐา วันอาทิตย์ที่ผ่านมาไปเป็นประธานเปิดงานประเพณีออกพรรษาและบั้งไฟพญานาคโลก ประจำปี 2566 ที่อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย ก่อนจะกลับไปนอนพักค้างคืนที่อุดรธานี และเช้าตรู่วันนี้ (30ตุลาคม) ก็บินไปลาว ในโอกาสการเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวอย่างเป็นทางการ ซึ่งก่อนหน้านั้นเมื่อเดือนสิงหาคมหลังจากรับตำแหน่ง สอนไซ สีพันดอน นายกฯ สปป.ลาวได้ยกหูมาแสดงความยินดีกับผู้นำไทยพร้อมส่งเทียบเชิญไปเยือนลาว
ครั้งนั้น ไม่เพียงแต่จะแสดงความยินดี แต่นายกฯ ของลาวยังได้ชื่นชมเศรษฐาว่าเป็นผู้มีประสบการณ์อย่างมาก โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ และเชื่อมั่นว่าความสัมพันธ์และความร่วมมือทวิภาคีระหว่างสองประเทศจะพัฒนายิ่งขึ้นต่อไป แน่นอนว่า การเดินทางไปเยือนครั้งนี้ผลของการหารือย่อมนำมาซึ่งความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น การทำงานร่วมกันในทุกมิติ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ภารกิจแนะนำตัวกับชาติในอาเซียน เศรษฐากำลังทยอยจัดคิวไปเยือนให้เสร็จสิ้นในเร็ววัน
ส่วนเรื่องการทำงานนอนค้างคืนที่ทำเนียบรัฐบาล วันศุกร์ที่ผ่านมามีการทำบุญด้วยการนิมนต์พระมหาเถระ 10 รูปมาทำบุญตักบาตร ที่ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ในการนี้ สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี หรือสมเด็จเจ้าคุณธงชัย วัดไตรมิตรวิทยาราม ได้ประพรมน้ำพระพุทธมนต์ให้กับนายกฯ ผู้ร่วมงาน และห้องทำงาน ห้องพักนอนที่นายกฯ จะใช้พักค้างคืนด้วย ไม่ใช่การสร้างภาพแต่เศรษฐาให้เหตุผลจะนอนที่ทำเนียบฯ ในวันที่มีงานเยอะ หรือวันรุ่งขึ้นจะมีการประชุมเช้า หรือมีงานดึก จะได้สะดวกการเดินทาง ไม่เป็นภาระต่อฝ่ายรักษาความปลอดภัย เหล่านี้เป็นแค่กระพี้จุดใหญ่ใจความคือให้ดูที่ผลของงานมากกว่า