KKP ถูกแล้วยังมีถูกกว่า

ราคาหุ้นล่าสุดของ KKP หรือ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) ที่ร่วงลงมาใต้ 50 บาท ถือว่าต่ำกว่าบุ๊กแวลูล่าสุดที่ 77.00 บาท


ราคาหุ้นล่าสุดของ KKP หรือ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน)  ที่ร่วงลงมาใต้ 50 บาท ถือว่าต่ำกว่าบุ๊กแวลูล่าสุดที่ 77.00 บาท แต่นักวิเคราะห์มองว่ายังจะต่ำกว่านี้อีก จึงแนะนำให้ผู้ซื้อทำการซื้อเมื่ออ่อนตัวลงกว่านี้อีก

คำถามคือ ทำไมนักวิเคราะห์จึงมองราคาหุ้น KKP แบบขาดเสน่ห์ทั้งที่ยังมีกำไรดีอยู่

เหตุผลมาจากคำตอบที่ผู้บริหารธนาคารให้กับบรรดานักวิเคราะห์ในการพบปะครั้งล่าสุดที่ผู้บริหารยอมรับว่า

  • การปล่อยสินเชื่อในปีที่แล้วไม่เข้มงวดมากนัก คุณภาพสินทรัพย์ของสินเชื่อในปี 2565 (ประมาณ 20% ของสินเชื่อทั้งหมด) มีปัญหาเพิ่มขึ้น เป็นสาเหตุที่ทำให้ credit cost เพิ่มขึ้นในปีนี้ 
  • โดยปกติแล้วปัญหาคุณภาพสินทรัพย์อาจคงอยู่เป็นเวลา 2 ปี ดังนั้นผลกระทบของสินเชื่อด้อยคุณภาพเดิมจะถึงจุดสูงสุดในไม่ช้า ถือเป็นข่าวร้ายสำหรับการทำกำไรของธนาคารแห่งนี้ 
  • นอกจากนั้นยังมีปัญหาการขายรถยึดคืน ในไตรมาส 3/2566 ขาดทุนสูง เนื่องจากผู้บริหารพยายามลดสินค้าคงคลังของธนาคาร ส่งผลให้ยอดขายรถยนต์ เพิ่มขึ้นแต่ขาดทุนจนผิดเพิ่มตามไปด้วย ช่วยไม่ได้

ผู้บริหารยังคงคาดว่า credit cost จะถึงจุดสูงสุดในไตรมาส 4/2566 แต่การลดลงเท่านั้นยังยากที่จะประมาณได้ ขึ้น อยู่กับปัจจัยหลายประการรวมถึงราคารถยนต์มือสองและฉากหลังของเศรษฐกิจมหภาคที่รัฐบาลจะพลิกสถานการณ์ให้วิกฤตเป็นโอกาส

ราคารถมือสองจะลดลงไปไกลกว่าปัจจุบัน แสดงว่าตัวเลขการขาดทุนจากการขายรถยึด จะยังคงกดดันกำไรต่อไปอีกแม้ว่าฝ่ายบริหารมองว่าคุณภาพของสินเชื่อปี 2566 ดีกว่าปี 2565 มาก แต่ก็ไม่มีหลักประกันอย่างใดว่าจะพลิกสถานการณ์ได้

ในส่วนที่แย่ของธุรกิจอื่น ๆ (เช่นธุรกิจตลาดทุน) ซึ่งตามปกปกติเป็นการกระจายความเสี่ยงกลับไม่ค่อยดีนักในปีนี้เช่นกัน เพราะมูลค่าการซื้อขายประจำวันค่อนข้างต่ำ ทั้งหุ้นและหุ้นกู้ในตลาดตราสารหนี้ส่งผลให้รายได้จากการทำธุรกรรมในตลาดทุนลดต่ำลง

เสน่ห์ที่ขาดหายไปของ KKP แม้ว่าจะยังมีกำไรต่อไปอีก ทำให้คำแนะนำว่าให้รอซื้อเมื่อราคาต่ำลงไปอีกจึงมีเหตุผล แต่ถ้าหากให้ผู้บริหารจะยอมสู้ทำวิศวกรรมการเงินเพื่อชาวพยุงราคาหุ้นให้ดีขึ้นก็อาจจะช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น

ตรงนี้แหละที่จะเป็นไม้ตายที่อาจจะเกิดขึ้นได้สำหรับ KKP เพื่อจะหยุดยั้งขบวนการคิดแบบ “ถูกกว่านี้ยังมีอีก” ที่จะบั่นทอนความเชื่อมั่นของสาวกที่เป็นขาประจำได้

ปัญหาอยู่ที่จะกลัวหรือไม่เท่านั้น

Back to top button