ลากไปเชือด?

สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยเป็นอะไรที่น่ากังวลมาก ๆ ขนาดหุ้นไอพีโอน้องใหม่ถอดด้ามอย่าง ORN ตั้งราคาขายบน PE 5 เท่า ซึ่งเป็นระดับที่ถูกมาก ๆ และมีดิสเคานต์ให้กับคนที่จองซื้อมากถึง 25% แต่กลับโดนสาดทิ้งตั้งแต่ช่วงพรีโอเพ่น  “โมนิก้า”  ถึงเชื่อว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการ “ตั้งราคา” กับ “กระจายหุ้น” เพราะมันเป็นเรื่องความมั่นใจของนักลงทุนที่ลดลงทุกวันต่างหากเจ้าค่ะ

ถามว่าเรื่องนี้มีต้นสายปลายเหตุมาจากไหน? เดี๊ยนตอบได้ทันทีว่า ส่วนใหญ่มาจากทีมงานของพรรคเพื่อไทยที่ไม่เกาะติดเศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญอะไรบ้าง และไม่ใส่ใจรายละเอียดของการชะลอตัวเศรษฐกิจในประเทศ จึงปล่อยให้ทุกอย่างเดินไปแบบสะเปะสะปะ เพราะมัวแต่ทุ่มสรรพกำลังไปที่ “เงินดิจิทัล” เพียงอย่างเดียว และผลลัพธ์ที่ได้กลับคืนมาก็คือ โดนด่าเละเทะ และทำให้ “ลุงตู่” กลายเป็นคนที่ทำงานดีกว่าเสียอย่างนั้นนะจ๊ะ..นะจ๊ะ

งานนี้ต้องพูดกันตรง ๆ ว่า ตั้งแต่ “เสี่ยนิด” เข้ามารับงานในฐานะนายกฯ อย่างเต็มตัว คุณพี่ก็เอาแต่เดินสายโรดโชว์อย่างเอาเป็นเอาตาย จนหลงลืมนโยบายที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจแบบเต็มสูบ ไล่เรียงตั้งแต่กระตุ้นท่องเที่ยว กระตุ้นกำลังซื้อ และเลิกโครงการประกันพืชผล (ตอนนี้น่าจะทำไปก่อน เพื่อประคองไม่ให้หลายอย่างแย่ลงกว่าเดิม) “โมนิก้า” ถึงมองไม่ออกว่า เศรษฐกิจจะกระเตื้องขึ้นได้อย่างไรจ้า!

ล่าสุดยังมาเจอเรื่องน้ำตาลขึ้นอีกโลละ 4 บาทเข้ามาอีกดอก จึงกลายเป็นประเด็นที่ทำให้คนเชื่อว่า ต้นทุนอาหารหลายอย่างจะแพงขึ้น แต่กลับไม่เห็นใครออกมาทำอะไรเลยสักอย่างแบบนี้ บรรดาขาเผือกเลยพากันสงสัยว่า พวกพรี่..พรี้ คงมั่วแต่ “เฝ้าไข่..อุ๊ย..เฝ้าไข้” คนชั้น 14  อยู่กระมัง! ขณะเดียวกันก็ทำให้เดี๊ยนฉุกคิดขึ้นมาทันทีว่า การที่ดัชนียืนปิด 1,395.85จุด บวกไป 7.62 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.67 หมื่นล้านบาท อาจเป็นการลากไปเชือดเหมือนรอบก่อน ๆ น่ะซี

ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้น PSP ที่เด้งกลับขึ้นมาปิดบริเวณ 3.98 บาท บวกไป 0.54 บาท หรือขึ้นไป 15.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.37 พันล้านบาท น่าจะเป็นการเซตเกมรอบใหม่อย่างเป็นทางการ เพราะเมื่อดูจากแรงซื้อที่เข้ามาอย่างหนาแน่น ผนวกกับหุ้นเทรดบน PE 13 เท่า ทำให้เชื่อว่า ความเสี่ยงในการลงทุนไม่สูงเหมือนเมื่อก่อน จึงเหมาะต่อการโหนกระแสก็เท่านั้นเองค่ะ

ส่วนรายที่สร้างความงุนงงเป็นอย่างมาก “โมนิก้า” คงต้องมองไปยังหุ้น ITC ที่กระชากขึ้นมาปิดบริเวณ 19 บาท บวกไป 2.10 บาท หรือขึ้นไป 12.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 205 ล้านบาท ทั้งที่กำไรลดฮวบเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน พร้อมกับมีคำอธิบายที่เป็นทางการออกมาว่า ทุกคนรับรู้เรื่องกำไรลดเป็นอย่างดี แต่บริษัทกลับทำกำไรได้ดีกว่าคาด โบรกฯ เลยให้ราคาเป้าหมาย 23.10 บาทไงล่ะจ๊ะ

ในเมื่อมาในโทนเล่นมัน และมีความเร้าใจเกินบรรยาย ก็ต้องมองไปที่หุ้นบันเทิงตัวพ่อ MAJOR เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับคนที่คิดจะโหนหนังเรื่อง “สัปเหร่อ” ที่ทำเงินไปถึง 700 ล้าน และยังมีหนังทำเงินอย่าง “ธี่หยด” ที่ทำเงินทะลุร้อยล้านไปแล้วเป็นกองหนุน วานนี้จึงเห็นหุ้นวิ่งรับข่าวด้วยการขึ้นมาปิดที่ 15.20 บาท บวกไป 0.60 บาท หรือขึ้นไป 4.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 213 ล้านบาทแบบนี้..มีลุ้นไปต่อเจ้าค่ะ

สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” อยากเม้าท์ถึงหุ้นที่เละเทะอย่าง NCL ขึ้นมาทันที เพราะโดนถล่มจนติดฟลอร์เป็นวันที่สอง ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 1 บาท ลบไป 0.44 บาท หรือลงไป 30.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 62 ล้านบาทแบบนี้ น่าจะเกี่ยวข้องกับงบไตรมาส 3 ที่ร่ำลือกันหนาหูว่า ขาดทุนหนัก! พร้อมกับมีการชี้เป้าไปในทางเดียวกันว่า “อ้วน” น่าจะรู้ดีสุดนะฮะ!

ก่อนจะหมดพื้นที่เม้าท์ “โมนิก้า” ขอเม้าท์ถึงหุ้น EA เพื่อชี้ให้เห็นกระแสข่าวที่ออกมาในทำนอง “สต๊อกบวม” และมีปัญหาเรื่องกระแส “เงินสดติดลบ” น่าจะเป็นการตีความของพวกอ่อนหัดบางคน และเรื่องนี้ก็ขึ้นอยู่กับผู้คนจะเชื่อไหม? แต่สำหรับเดี๊ยนขอมองเรื่องนี้แบบเป็นธุรกิจว่า ปีก่อนมีแค่ธุรกิจขายไฟไปเรื่อย ๆ ต่อจากนั้นก็รับเงินสด..แต่ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้บริษัทรุกหนักเรื่อง “อีวี” กับ “โรงแบต” ทำให้เงินไปอยู่ในส่วนนี้เป็นจำนวนมาก (สต๊อกสินค้า) ก็เท่านั้นเอง!

ถามว่าเรื่องนี้น่ากังวลไหม “โมนิก้า” พูดได้ทันทีว่า ไม่น่ากังวล! เพราะบริษัทยังมีเงินสดในกระเป๋า 2.50 พันล้าน และยังมีเงินจากออกหุ้นกู้ช่วงต้นปีอีกประมารณ 6-7 พันล้าน แถมยังเก็บเงินจากขายรถเมล์ไฟฟ้า และหัวลากไฟฟ้าเข้ามาทุกเดือน ผนวกกับไตรมาส 3 กระแสเงินสดกลับมาบวกพันล้าน (ประเมินจากวงรอบระบายสต๊อกรถ 300 คัน ราคาคันละ 6 ล้าน) จึงเชื่อว่า สิ้นปีทุกอย่างก็กลับมาปกติเหมือนเดิม และปีหน้าจะเห็นการโตกระโดด..รู้แล้วบอกต่อด้วยจ้า!