BCP กำไรโดด..ราคาหุ้นเด่น.!
จากข้อมูลสำคัญรายธุรกิจประจำไตรมาส 3/66 ของ BCP ปรากฏออกมา ถือว่าตัวเลขที่น่าสนใจและมีผลต่องบการเงินไตรมาส 3/66 อย่างมีนัยสำคัญ
จากข้อมูลสำคัญรายธุรกิจประจำไตรมาส 3/66 ของบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP ปรากฏออกมา ถือว่าตัวเลขที่น่าสนใจและมีผลต่องบการเงินไตรมาส 3/66 อย่างมีนัยสำคัญ เริ่มจากราคาน้ำมันดิบดูไบ เฉลี่ยอยู่ที่ 86.63 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (เพิ่มขึ้นจาก 77.59 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล)
นั่นจึงทำให้ส่วนต่างราคาน้ำมันเบนซิน95-ดูไบ อยู่ที่ 18.97 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดีเซล-ดูไบ อยู่ที่ 26.93 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลและส่วนต่างราคาน้ำมันเจ็ท-ดูไบ อยู่ที่ 26.07 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
สำหรับกลุ่มไฟฟ้ามีปริมาณกำลังผลิตไฟฟ้าของ BCPG อยู่ที่ 300.5 กิกะวัตต์-ชั่วโมง (จากเดิม 145.5 กิกะวัตต์-ชั่วโมง) และมีปริมาณกำลังผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนถือหุ้น อยู่ที่ 1,139 กิกะวัตต์-ชั่วโมง (จากเดิม 243 กิกะวัตต์-ชั่วโมง)
นี่ยังไม่รวมการรับรู้ผลการดำเนินงานจากบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ESSO ช่วงเดือน ก.ย. 66 ที่ผ่านมา หลัง BCP ทำรายการซื้อกิจการแล้วเสร็จ..!?
ข้อมูลจาก Refinitiv Consensus ประมาณการว่างบ Q3/66 BCP จะมีกำไรเฉลี่ยอยู่ที่ 5,400 ล้านบาท
ไฮไลต์สำคัญงบ Q3/66 อยู่ที่ Market GRM มีโอกาสเพิ่มขึ้น 160-170% แม้กำลังการกลั่นลดลงหลังปิดหน่วยผลิตเพื่อเตรียมพร้อมผลิตน้ำมันมาตรฐาน EURO5 แต่ด้วยค่าการกลั่นที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก จึงเพียงพอจะทำให้กำไร BCP เฉิดฉายได้อย่างโดดเด่นสง่า.!??
ส่วนกำไรจากธุรกิจผลิตไฟฟ้า น่าจะปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากปัจจัยตามฤดูกาลและส่วนแบ่งการขายไฟฟ้า ไปยังประเทศเวียดนามเต็มไตรมาส เห็นได้จากกำลังผลิตรวมอยู่ที่ 1,139 กิกะวัตต์-ชั่วโมง (ตามสัดส่วนถือหุ้น)
สำหรับธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม (E&P) ปริมาณการขายของ OKEA จะเพิ่มขึ้น 20% ส่วนราคาขายเฉลี่ย (ASP) จะเพิ่มขึ้น 10% ตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น
อีกตัวเลขที่เป็นไฮไลต์ นั่นคือกำไรจากการซื้อ ESSO ในราคาต่ำกว่ามูลค่ายุติธรรม (bargain purchase) จากการประเมินมูลค่าสินทรัพย์ ESSO ใหม่
หากพิจารณาจากมูลค่าหุ้นตามบัญชีปรับปรุงแล้วที่ 10.70-11.40 บาท ที่ประเมินโดยรายงานตามที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (IFA) ทำให้กำไรส่วนดังกล่าวจะอยู่ที่ประมาณ 1,500-2,700 ล้านบาท
แต่มีการประเมินกันว่า ทิศทางกำไรไตรมาส 4/66 มีโอกาสอ่อนตัวลง จาก Market GRM และกำไรจากสต๊อกน้ำมันที่ลดลง แม้จะรับรู้กำไรจาก ESSO และเต็มไตรมาสก็ตาม
ขณะที่ “ธุรกิจผลิตไฟฟ้า” ที่เคยโดดเด่นช่วงไตรมาส 3/66 ตามปัจจัยด้านฤดูกาล มีโอกาสรับรู้กำไรได้น้อยลง
ส่วน “ธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน” ของ BCP มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากปริมาณการขายและค่าการตลาดน้ำมันขายปลีกที่เพิ่มขึ้น
แต่ด้วยเงื่อนไขนโยบายรัฐบาลที่มีการควบคุมค่าการตลาดน้ำมันขายปลีกเฉลี่ยไม่ให้เกิน 2 บาทต่อลิตร ทำให้ตัวเลขกำไรขั้นต้นจากธุรกิจค้าปลีกน้ำมันทำได้ไม่สูงมากนัก แม้ว่าแนวโน้มปริมาณการขายปลีกน้ำมันจะปรับตัวเพิ่มขึ้น ตามช่วงไฮซีซั่นของการเดินทางก็ตาม
สรุปว่างบการเงิน Q3/66 ของ BCP เป็นจุดพีกสุดของปี แต่ราคาหุ้นช่วง 3 เดือนปรับตัวขึ้นกว่า 5% ถือว่าตอบรับปัจจัยเชิงบวกไปลำดับหนึ่งแล้ว..จึงขึ้นอยู่ที่ว่างบ Q3/66 จะมีกำไรเกิน 5,400 ล้านบาท ได้หรือไม่.!?
เพราะหากเกินกว่านี้คงได้เห็นราคาหุ้น BCP กระชากขึ้นแรงอีกครั้งได้เช่นกัน..