สังคมข่าวหุ้น
ธนาคารกลางสหรัฐ คงอัตราดอกเบี้ยสองครั้งติดต่อกัน ทำให้ดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ ยังอยู่ที่ 5.25-5.50% สะท้อนว่าอัตราดอกเบี้ยมาถึงจุดสูงสุดแล้ว
ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด คงอัตราดอกเบี้ยสองครั้งติดต่อกัน ทำให้ดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ ยังอยู่ที่ 5.25-5.50% สะท้อนว่า อัตราดอกเบี้ยมาถึงจุดสูงสุดแล้ว หรือเป็นระดับเหมาะสม ส่วนต่อไปต้องเฝ้าติดตามกันว่า แล้วดอกเบี้ยจะปรับลงเมื่อไหร่ ซึ่งหากเป็นไปตามที่นักวิเคราะห์คาดกันไว้ น่าจะราว ๆ กลางปี 2567 โน่นเลย
ดอกเบี้ยที่หมดวงจรขาขึ้น (รวมถึงของไทยด้วย) ถือเป็นจิตวิทยาเชิงลบกับหุ้นในกลุ่มธนาคารบ้าง แต่หากดูจากราคาหุ้นกลุ่มแบงก์วานนี้ ไค่อยตอบรับเชิงลบมากนัก อาจเป็นเพราะว่า แนวโน้มรายได้จากดอกเบี้ยและส่วนต่างของ NIM ยังกว้างอยู่ และน่าจะทำให้แนวโน้มกำไรกลุ่มแบงก์ โดยเฉพาะแบงก์ขนาดใหญ่ BBL SCB KBANK KTB จะยังคงได้รับประโยชน์ และกำไรน่าจะออกมาสวยงามต่อไป
กลุ่มไฟแนนซ์นำโดย MTC SAWAD TIDLOR SAK ราคาเริ่มดีดกลับ หลังต้นทุนทางการเงินจากการออกหุ้นกู้น่าจะมาถึงจุดสูงสุด หรือหมดปัจจัยกดดันไปแล้ว ที่เหลือ ก็เป็นเรื่องการปล่อยสินเชื่อ การตามเก็บหนี้ ซึ่งตรงนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถเฉพาะตัวของผู้บริหารแต่ละบริษัทแล้วละ ส่วน พี/อี ล่าสุดของ SAWAD และ SAK อยู่ที่ประมาณ 12 เท่า TIDLOR MTC อยู่ประมาณ 16-17 เท่า แต่น่าสนใจคือ ราชธานีลิสซิ่ง หรือ THANI พี/อี เพียง 9.7 เท่า และมีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูงถึง 6% ถือว่าดีสุดในกลุ่มฯ เลยละ
ไม่อยากจะตอกย้ำกันมากนักสำหรับหุ้นไอพีโอที่ทยอยเข้ามาในช่วงนี้ ปรากฏว่า หลุดราคาจองทั้งหมด อย่างวานนี้ SAFE ราคาไอพีโอ 21 บาท เปิดตลาด 16.00 บาท แล้วก็เคลื่อนไหวในแดนลบ หรือต่ำกว่าจองไปทั้งวัน ส่วนก่อนหน้านี้คือหุ้น ETL และ SCL แล้วก็อีกหลายหุ้นไอพีโอ ประเด็นหลัก ๆ เลยมาจากการกำหนดราคาหุ้นที่แพงเกินไปนั่นแหละ พี/อี สูงมาก แต่ประเด็นที่นาสนใจยิ่งกว่าคือ คนที่ขายหุ้นออกมาแบบหนัก ๆ ไปเอาหุ้นจากไหนมาขายในราคาต่ำกว่าจอง แบบขาย “ถล่มได้ทุกราคา”
หุ้นกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน DIF ช่วงที่ราคาลงไป 8.00 บาท ใครเก็บตรงนั้นได้ถือว่าคุ้มสุดคุ้ม เพราะหลังจากนั้นราคาค่อย ๆ ดีดตัวกลับ หลังจากนักลงทุนเกิดความกังวลว่าทรูฯ จะขายหน่วยลงทุนออกมา หลังจากต้องหาเงินไปจ่ายหนี้ NT รวมถึงปัจจัยลบอื่น ๆ ทั้งภาวะตลาด การเสียภาษีเงินปันผล ฯลฯ แต่ราคาที่ระดับ 8.00–8.50 บาท ถือว่าสะท้อนกับปัจจัยลบทั้งหมดไปพอสมควร และต่ำกว่าราคาพื้นฐานจนเกิดอัพไซด์ค่อนข้างสูง ส่วนกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน JASIF ราคาที่บริเวณ 6.50 บาท นี่ก็ถือว่าน่าซื้อเก็บรับปันผลเช่นกัน
แบงก์ทหารไทยธนชาต TTB ราคาหุ้นหลุดแนวรับ 1.651 บาทลงมา และมาหยุดที่ 1.63 บาท ที่เป็นแนวรับถัดไป ก่อนที่วานนี้จะดีดกลับขึ้นมาได้ตามภาวะตลาด ส่วน 1.60 บาท เป็นแนวรับจิตวิทยา สำหรับราคาระหว่าง 1.63-1.65 บาท พอจะเข้าซื้อได้ และให้เข้าทีละไม้ แต่หากจะรอแบบชัวร์ ๆ และปลอดภัย ต้องมารอระดับจิตวิทยา คือ 1.60 บาท บวก/ลบ เล็กน้อย เพราะกราฟทางเทคนิค หากดูตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ หลังจากไปชนแนวต้าน 1.75 บาทแล้วผ่านไม่ได้
หุ้นกลุ่มเจมาร์ทพากันดีดขึ้นพร้อมกันทั้ง JMART JMT SINGER SGC แต่ที่น่าสนใจคือ JMT เพราะตอนนี้เป็นตัวเต็งที่จะได้กลับเข้าสู่ SET50 อีกครั้ง แบบมีโอกาส 100% มีผลในรอบครึ่งแรกปี 2567 ส่วนหุ้นอีกสองตัวถูกคาดหมายว่าได้เข้าคือ KCE และ ITC และที่เสี่ยงหลุดคือ INTUCH TLI โดย TLI น่าจะมาจากเทิร์นโอเวอร์ หรือมูลค่าการซื้อขายที่ผ่านมาค่อนข้างน้อย ขณะที่มาร์เก็ตแคปยังเกินกว่าแสนล้านบาท หรืออยู่ที่ 1.23 แสนล้านบาท