SPA นวดกำไรโตทุกไตรมาส

SPA ประกอบธุรกิจด้านสปาเพื่อสุขภาพ และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจสปา แบ่งเป็น 4 กลุ่มธุรกิจ


คุณค่าบริษัท

ต้องยอมรับว่า การเปิดเมืองเปิดประเทศหลังโควิดคลี่คลาย ทำให้บริษัท สยามเวลเนสกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ SPA ประกอบธุรกิจด้านสปาเพื่อสุขภาพ และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจสปา แบ่งเป็น 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ 1) ธุรกิจสปา ภายใต้แบรนด์ “Let’s Relax” แบรนด์ “RarinJinda Wellness Spa” แบรนด์ บ้านสวนมาสสาจ แบรนด์ Stretch me by Let’s Relax และแบรนด์ Dr. Spiller Pure Skin Care Solutions

2) ธุรกิจโรงแรมและร้านอาหาร 3) ธุรกิจการจำหน่ายผลิตภัณฑ์สปา จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์สปาภายใต้แบรนด์ LRL (Let’s Relax Lifestyle) และ 4) กิจการโรงเรียนเกี่ยวกับการนวดแผนไทย โรงเรียนสอนนวดไทยและสปาสยามเวลเนส เพื่อให้การอบรมบริการนวดและสปาแก่พนักงานเทอราพิสต์ เพื่อรองรับการขยายธุรกิจของบริษัท ลืมตาอ้าปากได้อีกครั้ง

ดูได้จากงบไตรมาสแรกปีนี้ที่พลิกมามีกำไรสุทธิ 50 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 57 ล้านบาท โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 325 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 185.51% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 114 ล้านบาท อันเป็นผลมาจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยที่เริ่มฟื้นตัว

ตอกย้ำด้วยงบไตรมาส 2/2566 พลิกมามีกำไรสุทธิ 60 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 29 ล้านบาท โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 358 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 167.18% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 134 ล้านบาท ได้รับอานิสงส์อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยที่ดีขึ้นเป็นอย่างมาก มีนักท่องเที่ยวหลากหลายสัญชาติมากขึ้น ส่งผลให้กลุ่มลูกค้าของบริษัทขยายกว้างขึ้น

ประกอบกับประเทศจีนได้ยกเลิกมาตรการ lock down ช่วงต้นปี ทำให้คนจีนซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัทสามารถเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หนุนให้ครึ่งปีแรกพลิกมามีกำไรสุทธิ 110 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 86 ล้านบาท

ที่น่าสนใจ ผู้บริหารมั่นใจว่าผลการดำเนินงานในปีนี้จะเติบโตต่อเนื่องทุกไตรมาส เลยเป็นที่มาของการปรับเพิ่มเป้าหมายรายได้จากการให้บริการรวมในปี 2566 เป็นเติบโต 100% อยู่ที่ระดับ 1,400 ล้านบาท เทียบเท่ากับปี 2562 ก่อนเกิดโควิดที่มีรายได้จากการให้บริการรวม 1,400 ล้านบาท จากเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ 1,100 ล้านบาท เมื่อเทียบปี 2565 ที่มีรายได้จากการให้บริการรวม 720 ล้านบาท

ปัจจุบันบริษัทมีสาขาให้บริการรวม 68 แห่ง ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ แบ่งเป็น แบรนด์ Let’s Relax ในประเทศไทย 48 แห่ง และในต่างประเทศ 2 แห่ง แบรนด์ Baan Suan Massage จำนวน 8 แห่ง และแบรนด์ RarinJinda Wellness Spa จำนวน 2 แห่ง แบรนด์ Stretch Me จำนวน 4 แห่ง แบรนด์ Dr. Spiller Pure Skin Care Solutions จำนวน 3 แห่ง มีสัดส่วนลูกค้าเป็นคนไทย 40% และอีก 60% เป็นลูกค้าชาวต่างชาติ เช่น ยุโรป อินเดีย ตะวันออกกลาง ฮ่องกง ไต้หวัน เกาหลีใต้ และจีน เป็นต้น

บล.หยวนต้า คาดกำไรปกติในไตรมาส 3/2566 ที่ 62 ล้านบาท เติบโตเด่นจากช่วงเดียวกันปีก่อน จากฐานต่ำ ขณะที่เติบโตจากไตรมาสก่อน จากการฟื้นตัวของรายได้ตามนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น ปรับประมาณการปี 2566-2567 ขึ้นเป็น 235 และ 306 ล้านบาท ตามลำดับ จากการปรับเพิ่มสมมติฐานยอดขายจากสาขาเดิม (SSSG) และอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ของธุรกิจสปาขึ้นเป็นหลัก

สำหรับการประเมินมูลค่า (Valuation) ปัจจุบันราคาหุ้น SPA ซื้อขายกันที่ P/E ระดับ 93.92 เท่า เทียบกับ P/E ตลาดโดยรวมที่ระดับ 19.43 เท่า ถือว่าราคาซื้อขายสูงกว่าหลายเท่าตัว สอดคล้องกับ P/BV ที่ระดับ 15.10 เท่า ก็สูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ส่วนใหญ่ P/BV จะอยู่ที่ระดับ 1.36 เท่า โดยมีราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 14.34 บาท จากราคาต่ำสุด 12.80 บาท และราคาสูงสุด 16.10 บาท

Back to top button