KBANK คุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้น
KBANK โครงสร้างพอร์ตสินเชื่อ ณ สิ้นไตรมาส 3/2566 1.สินเชื่อธุรกิจรายใหญ่ 35% 2.สินเชื่อ SME 31% 3.สินเชื่อรายย่อย 28% 4.สินเชื่ออื่น ๆ 5%
คุณค่าบริษัท
ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK โครงสร้างพอร์ตสินเชื่อ ณ สิ้นไตรมาส 3/2566 1.สินเชื่อธุรกิจรายใหญ่ 35% 2.สินเชื่อ SME 31% 3.สินเชื่อรายย่อย 28% 4.สินเชื่ออื่น ๆ 5%
KBANK รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2566 มีกำไรสุทธิ 11,281.86 ล้านบาท ขยายตัว 6.69% จากไตรมาส 3/2565 และเพิ่มขึ้น 2.62% จากไตรมาส 2/2566 ที่มีกำไรสุทธิ 10,994.27 ล้านบาท กำไรที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากการเติบโตของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ, ส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ที่สูงขึ้น และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ลดลง ส่วนคุณภาพสินทรัพย์มีพัฒนาการเชิงบวก ทั้งในด้านหนี้ด้อยคุณภาพ (NPL) และ Coverage ratio
รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 3.6% จากไตรมาส 2/2566 และ 14.9% จากไตรมาส 3/2565 ตามการขึ้นอัตราดอกเบี้ยโดย KBANK ได้ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อทุกประเภทจำนวน 0.45% ในช่วงเดือน พ.ค.ปีนี้ ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากค่อนข้างทรงตัว NIM อยู่ที่ 3.77% เพิ่มขึ้น 0.13% จากไตรมาส 2/2566
ขณะที่รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยสุทธิ (Non-NII) ต่ำกว่าที่คาดมาก อยู่ที่ 9.09 พันล้านบาท ลดลง 20.0% จากไตรมาส 2/2566 แต่ยังเพิ่มขึ้น 5.2% จากไตรมาส 3/2565 โดยมีปัจจัยกดดันจากกำไรที่ลดลงจากเครื่องมือทางการเงินจากการตีมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรขาดทุนตามสภาวะตลาดที่ตกต่ำ และเบี้ยประกันภัยรับสุทธิที่ลดลง ขณะที่กำไรจากการลงทุนเพิ่มสูงขึ้น
นอกจากนี้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานยังต่ำกว่าที่คาดมาก ทำให้สัดส่วนค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้ ปรับตัวดีขึ้น โดยลดลงมาอยู่ที่ 42.1% จาก 43.4% ในไตรมาส 2/2566 จากปัจจัยบวกดังกล่าวช่วยหักล้างสินเชื่อที่เติบโตต่ำกว่าคาด โดยปรับตัวลดลง 0.5% จากไตรมาส 2/2566 และลดลง 1.1% จากไตรมาส 3/2565 โดยหลักจากการพิจารณาสินเชื่อที่เข้มงวดมากขึ้นและการบริหารคุณภาพสินทรัพย์เชิงรุก โดยสินเชื่อยังคงหดตัว 2.3% นับจากต้นปีนี้
คุณภาพสินทรัพย์ปรับตัวดีขึ้นทั้งสัดส่วนหนี้ด้อยคุณภาพ (NPL ratio) และ Coverage ratio โดยมี NPL ratio (จากการคำนวณของ บล.ฟินันเซีย ไซรัส) ลดลงเหลือ 3.58% จาก 3.83% ในไตรมาส 2/2566 จากการบริหารคุณภาพสินทรัพย์ด้วยความรอบคอบ ค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญ (Credit cost) เพิ่มในระดับที่ต่ำกว่าคาดมาอยู่ที่ 2.09% (บล.ฟินันเซียฯ คาดที่ 2.11%)
แต่ยังใกล้เคียงกับเป้าของ KBANK ที่ไม่เกิน 2.10% ส่วน Gross NPL ลดลงเกือบ 4% จากไตรมาส 2/2566 และเพิ่มขึ้นเพียง 2% จากไตรมาส 3/2565 เพราะมีการตัดหนี้สูญ (write-off) และขายหนี้เสียออกไปมากขึ้น ขณะที่ NPL เกิดใหม่ลดลง ทั้งนี้ธนาคารบอกว่า NPL เกิดใหม่จากกลุ่มสินเชื่อรายย่อย และ SME ซึ่งกดดันคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารในช่วง 4 ไตรมาสที่ผ่านมาพลิกกลับมาลดลงแล้ว
ข้อมูลจาก Refinitiv Consensus สำหรับ KBANK ระบุว่า ประมาณการรายได้รวมปี 2566 ที่ 189,051.46 ล้านบาท และประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ที่ 42,550.55 ล้านบาท โดยมีราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 154.14 บาท จาก 17 โบรกเกอร์
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) มองว่า KBANK เริ่มมีสัญญาณเชิงบวกในฝั่งของคุณภาพสินทรัพย์ หลังจากผ่านการทำ Balance Sheet Clean Up มาหลายไตรมาส ซึ่งนอกจากจะทำให้พอร์ตสินเชื่อเดิมมีหนี้เสียลดลง ยังเน้นการควบคุมคุณภาพของสินเชื่อใหม่ด้วย ขณะที่ราคาหุ้นยังซื้อขายด้วย P/BV ปี 2567 เพียง 0.5 เท่า และมี Upside สูงถึง 25.6%
สำหรับการประเมินมูลค่า (Valuation) หุ้น KBANK ราคาปัจจุบัน (ราคาปิดวันที่ 31 ต.ค. 2566 ที่ 131.50 บาท) ซื้อขายกันที่ P/E 8.78 เท่า สูงกว่า P/E กลุ่มธนาคารที่ 8.05 เท่า ส่วนค่า P/BV ของหุ้น KBANK อยู่ที่ 0.60 เท่า ต่ำกว่า P/BV กลุ่มธนาคารที่ 0.66 เท่า