TCC แปลงที่เป็นหุ้น.!
เป็นหนึ่งในหุ้นที่ก่อนหน้านี้ราคาสวิงสวาย..!! สำหรับ TCC ซึ่งมักถูกหยิบมาเก็งกำไรตามราคาถ่านหินโลกที่พุ่งแรงแซงทางโค้ง...
เป็นหนึ่งในหุ้นที่ก่อนหน้านี้ราคาสวิงสวาย..!! สำหรับบริษัท ไทย แคปปิตอล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TCC ซึ่งมักถูกหยิบมาเก็งกำไรตามราคาถ่านหินโลกที่พุ่งแรงแซงทางโค้ง…
ขณะที่ย้อนดูแบ็กกราวด์ของหุ้นตัวนี้มีประวัติโชกเลือด…อุ๊ย โชกโชน เดิมมีชื่อว่าบริษัท ไทยฮีทเอ็กซ์เช้นจ์ จำกัด (มหาชน) หรือ THECO ทำธุรกิจผลิตและจำหน่ายชิ้นส่วนเครื่องปรับอากาศรถยนต์ ผลิตชิ้นส่วนคอล์ยเย็นและคอล์ยร้อนให้แก่โรงงานผลิตเครื่องปรับอากาศสำเร็จรูป เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ตั้งแต่ปี 2534 ต่อมาประสบปัญหาด้านการดำเนินงาน จนต้องเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการในปี 2543
กระทั่งปี 2550 THECO ก็กลับมาใหม่ ภายใต้ชื่อ บริษัท ไทย แคปปิตอล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TCC ในปัจจุบัน และขึ้นสู่โฮลดิ้งคอมปานี ลงทุนใน 2 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจถ่านหิน และธุรกิจตลาดค้าส่งสินค้าเกษตร
ผลการดำเนินงานช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ถือว่าทำได้ดี…ปี 2564 มีรายได้ 1,149 ล้านบาท กำไรสุทธิ 75 ล้านบาท ส่วนปี 2565 มีรายได้ 1,997 ล้านบาท กำไรสุทธิ 192 ล้านบาท ขณะที่ในช่วง 6 เดือนแรกปีนี้ มีรายได้รวม 693 ล้านบาท กำไรสุทธิ 15 ล้านบาท
กลับมาดูแอสเซทของ TCC ซึ่งที่ผ่านมาไม่ได้ใช้ประโยชน์ นั่นคือที่ดินจำนวน 20 โฉนด เนื้อที่รวมประมาณ 106 ไร่ 1 งาน 32 ตารางวา พร้อมสิ่งปลูกสร้างจำนวน 11 หลัง ตั้งอยู่ที่ ต.บางแก้ว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ซึ่ง TCC ไฟเขียวให้บริษัทลูกที่ชื่อ บริษัท ชัย แอสเซท จำกัด ซื้อที่ดินตรงนี้มาเมื่อปี 2560 จากบริษัท ฟาร์อีสท์ปั่นทออุตสาหกรรม จํากัด เดิมมีแพลนจะทำเป็นตลาดค้าส่งสินค้าเกษตรแนวใหม่ ภายใต้ชื่อโครงการ “ตลาดนครชัยศรี”
แต่ดันมาเจอโควิดเสียก่อน ทำให้ต้องพับแผนใส่ลิ้นชักไป เลยเป็นที่มาของการตัดขายที่ดินบางส่วนออกไป
ที่น่าสนใจ การขายที่ดินครั้งนี้เสมือนเป็นการร่วมสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับที่ดินดังกล่าว เนื่องจากเป็นการขายให้กับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำอย่างบริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI เพื่อนำไปพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม…
โดยธุรกรรมแรก…“ชัย แอสเซท” จะขายที่ดินให้กับบริษัท บริทาเนีย เอสพีวี 10 จำกัด (BRI SPV 10) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ BRI จำนวน 11 โฉนด เนื้อที่ประมาณ 38 ไร่ 3 งาน 11.26 ตารางวา หรือ 15,511.26 ตารางวา ในราคา 217.15 ล้านบาท เพื่อนำไปพัฒนาโครงการหมู่บ้านจัดสรรประเภทบ้านเดี่ยว ในชื่อโครงการ “บริทาเนีย เพชรเกษม-นครชัยศรี”
ส่วนธุรกรรมที่สอง…“ชัย แอสเซท” จะขายที่ดินให้กับบริษัท บริทาเนีย เอสพีวี 11 จำกัด (BRI SPV 11) จำนวน 8 โฉนด เนื้อที่ประมาณ 12 ไร่ 3 งาน 25 ตารางวา หรือ 5,125.4 ตารางวา ในราคา 64.06 ล้านบาท เพื่อนำไปพัฒนาโครงการหมู่บ้านจัดสรรประเภทบ้านแฝดและทาวน์โฮม ในชื่อโครงการ “ไบรตัน เพชรเกษม-นครชัยศรี”
และธุรกรรมสุดท้าย…“ชัย แอสเซท” ยินยอมให้ใช้ที่ดินจำนวน 10 โฉนด เพื่อใช้เป็นทางเดิน ถนน รองรับสาธารณูปโภคต่าง ๆ ของโครงการ “บริทาเนีย เพชรเกษม-นครชัยศรี” และโครงการ “ไบรตัน เพชรเกษม-นครชัยศรี” รวมทั้งที่ดินที่ฟาร์อีสท์ปั่นทออุตสาหกรรมจะขายให้แก่บริษัท บริทาเนีย เอสพีวี 12 จำกัด (BRI SPV 12)
จากนั้น “ชัย แอสเซท” จะเข้าลงทุนใน BRI SPV 10 แบ่งเป็น ซื้อหุ้นสามัญในสัดส่วน 49% มูลค่า 490,000 บาท พ่วงด้วยหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 11.22 ล้านหุ้น คิดเป็นเงิน 112.21 ล้านบาท และเข้าลงทุนใน BRI SPV 11 แบ่งเป็น ซื้อหุ้นสามัญในสัดส่วน 15.19% มูลค่า 151,900 บาท พ่วงด้วยหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 2.71 ล้านหุ้น คิดเป็นเงิน 27.19 ล้านบาท
โดยเงินที่ใช้ซื้อหุ้น BRI SPV 10 และหุ้น BRI SPV 11 ก็เป็นเงินจากการขายที่นั่นแหละ…ส่วนเงินที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
งั้นถ้าจะบอกว่า TCC แปลงที่ (ดิน) เป็นหุ้น ก็ไม่ผิดน่ะสิ..!!
แล้วถ้าไปดูโปรไฟล์ BRI เป็นพระเอกแนวราบในกลุ่มบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ถือว่าไม่ธรรมดา…ก็ต้องดูว่า โครงการ “บริทาเนีย เพชรเกษม-นครชัยศรี” และโครงการ “ไบรตัน เพชรเกษม-นครชัยศรี” ภายใต้ BRI จะซัคเซสแค่ไหน..?
นั่นหมายถึงมูลค่าเพิ่มที่ TCC จะได้กลับคืนมา…
แต่ด้วยแบรนด์ออริจิ้นที่มันค้ำคออยู่ ก็น่าจะทำให้ TCC สมปรารถนาละมั้ง..!?
…อิ อิ อิ…