TRUE และเสี่ยยักษ์

วานนี้หุ้น “ทรู คอร์ปอเรชั่น” หรือ TRUE ร่วงหนักจริง ๆ ปิดตลาดลดลง 0.25 บาท มาที่ 5.80 บาท เปลี่ยนแปลง -4.13%


วานนี้หุ้น “ทรู คอร์ปอเรชั่น” หรือ TRUE ร่วงหนักจริง ๆ

ปิดตลาดลดลง 0.25 บาท มาที่ 5.80 บาท เปลี่ยนแปลง -4.13%

ระหว่างวันราคาลงไปลึกสุด 5.55 บาท เปลี่ยนแปลงลดลง 8.26% ก่อนที่ราคาจะค่อย ๆ ถูกดึงกลับขึ้นมาช่วงเวลา 16.00 น. และมาปิดตลาดที่ 5.80 บาท

ถามว่าเกิดอะไรขึ้น?

หากเอาคำตอบเฉพาะของวานนี้ แบบ “หาเหตุไปใส่ผล” นั่นคือ น่าจะมาจากเรื่อง (กระแส) ข่าวการขายหุ้นกู้ของทรูฯ ที่ขายไม่หมดนั่นแหละ

เพราะมีรายงานข่าวแบบที่ยังไม่ได้รับการยืนยันว่า มูลค่าหุ้นกู้ 1.4 หมื่นล้านบาทนั้น

กลับขายได้เพียง 1.2 หมื่นล้านบาท

หรือมียอดคงเหลืออยู่อีกกว่า 2 พันล้านบาท

เท่าที่สอบถามแบบวงใน และความเห็นนักวิเคราะห์

ต่างบอกเหมือนกันว่า ประเด็นการขายหุ้นกู้ไม่หมดนั้น แทบจะไม่ได้มีนัยสำคัญอะไรเลย

เพราะทรูฯ มีวงเงินสินเชื่อกับธนาคารพาณิชย์อยู่แล้ว

ดังนั้น หลัก ๆ น่าจะมาจากหุ้นถูก “ชอร์ตเซล

สำหรับ ชอร์ตเซล ก็คือ การยืมหุ้นมาขายเพื่อลงทุนในทิศทางขาลง

หรือเราจะสังเกตได้ง่าย ๆ ว่า หุ้นหากราคายิ่งลง มูลค่าซื้อขายจะต้องค่อย ๆ บางลง

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับหุ้นทรูฯ ไม่ใช่อย่างนั้น

เพราะราคาหุ้นยิ่งลง มูลค่าการซื้อขายกลับเพิ่มขึ้น หรือยัง หนา อยู่

อย่างวานนี้ วอลุ่มซื้อขายหุ้นทรูฯ สูงถึง 1,337 ล้านบาท

ส่วนก่อนหน้านี้วอลุ่มก็ยังหนาอยู่ แม้ว่าราคาหุ้นจะลงมาจากบริเวณ 7.60 บาท +/เล็กน้อย ซื่งนั่นน่าจะสะท้อนว่ามีธุรกรรมบางอย่างเกิดขึ้นอยู่

ซึ่งก็คือชอร์ตเซล

ว่ากันว่ากลุ่มทุนที่เข้ามาสร้างความปั่นป่วนหุ้นทรูฯ เป็นกลุ่มจากสิงคโปร์ เคยอาละวาดที่นั่นมาก่อน

แต่ต่อมาถูกกวาดล้าง

ก่อนจะเข้ามาสร้างความปั่นป่วนในหุ้นไทยนี่แหละ

สำหรับหุ้นทรูฯ หากดูจากกราฟ สัญญาณทางเทคนิค นับจากกลางเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมาจนถึงกลาง เดือน ก.ย. 66 จะพบว่า เทคนิคเป็นขาขึ้น

ก่อนที่จะปรับลงมาต่อเนื่องจนถึงวานนี้

หุ้นทรูฯ มีปัจจัยลบเข้ามากดดันบ้าง

แต่หากวิเคราะห์กันให้ดี เป็นปัจจัยแบบแทบจะนึกไม่ถึงว่า มันจะเกิดปัจจัยแบบนี้ได้

ทั้งที่ก่อนหน้านี้ เพิ่งรับข่าวการควบรวมกับดีแทค จนยอดผู้ใช้บริการขึ้นมาเทียบเคียงกับเอไอเอส 

ปัจจัยลบที่ว่านี้ เริ่มตั้งแต่ศาลปกครองสูงสุดรับคำฟ้องจากมูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภค เรื่องการควบรวมกิจการระหว่างทรูฯ กับดีแทค

เรื่องต่อมาคือ สถาบันอนุญาโตตุลาการให้ทรูฯ จ่ายเงินกับ บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ NT จำนวน 7.1 พันล้านบาท

ทว่าเรื่องนี้ กลุ่มทรูฯ ขอสู้ต่อ จึงยื่นเรื่องต่อศาลปกครองกลางเพื่อเพิกถอนคำชี้ขาดฯ

อีกเรื่องคือ แนวโน้มผลประกอบการงวดไตรมาส 3/66 อาจจะออกมาไม่ดี

และสุดท้าย เป็นเรื่องหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2567 ประมาณ 2.7 หมื่นล้านบาท

สุดท้ายมาถึงหุ้นทรูฯ กับบรรดาเสี่ย ๆ หรือนักลงทุนรายใหญ่ในตลาดหุ้นไทย เพราะมีข่าวว่า หุ้นตัวนี้บรรดารายใหญ่เข้ามาลงทุนกันเยอะจริง ๆ

และหนึ่งในนั้นคือ “เสี่ยยักษ์” นายวิชัย วชิรพงศ์

วานนี้ผมสอบถามไปยังเสี่ยยักษ์ถึงการเข้าลงทุนในหุ้นทรูฯ

เสี่ยยักษ์ ยอมรับว่า “ลงทุน แต่ไม่ได้บอกจำนวนหุ้น หรือมูลค่าเงินลงทุน

บอกแต่เพียงว่า ขาดทุนอยู่หุ้นละบาทกว่า ๆ หรือหากรวมเป็นเงินถือว่าค่อนข้างเยอะ

ผมถามต่อว่า แล้วไม่ได้ “ปรับพอร์ต” หรือขายออกมาก่อน?

เสี่ยยักษ์ ตอบว่า หากจะขายก็ขายได้ แต่เขามองว่าทรูฯ เป็นหุ้นที่ดี โดยเฉพาะหลังการควบรวม แต่ไม่คิดว่ามันจะมีปัจจัยต่าง ๆ เข้ามากดดันอย่างที่เป็นข่าว

ขณะเดียวกัน มีเรื่องธุรกรรมชอร์ตเซลเข้ามากดดันอีก

ผลจึงออกมา เละอย่างที่เห็น

Back to top button