ขี่ช้างจับตั๊กแตนแฉทุกวัน ทันเกมหุ้น

จัดแจงเชื้อเชิญผู้สื่อข่าวมาฟังแถลงการณ์ใหญ่ของ ก.ล.ต.เมื่อวันพุธที่ 23 ธันวาคมที่ผ่านมา ด้วยเรื่องที่ทำท่าลึกลับ กว่าจะรู้ว่าเป็นเรื่อง การสั่งลงโทษ บล.เออีซี จำกัด (มหาชน) ในกรณีที่เกี่ยวข้องกับ เสี่ยจืด หรือ นายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง ที่เสียชีวิตกะทันหัน เป็นข่าวสะเทือนวงการ

ไม่ใช่แค่เงินมหาศาลเกี่ยวข้องเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องชู้สาว หรือ “ความสัมพันธ์พิเศษ” ระหว่างนักเล่นหุ้นกับมาร์เกตติ้งสาวด้วย พัวพันกันอลวน จนกระทั่งตำรวจที่ทำคดียังแถลงข่าวเปรอะไปหมด เสมือนพล็อตนิยายสายลับเกรดบีในภาพยนตร์ฮอลลีวูด

งานนี้ถือเป็นการเปิดตัว นางปะราลี สุคนธมาน ผู้ช่วยเลขาธิการ ก.ล.ต. ให้คนรู้จักเสียเลย …ยิงกระสุนนัดเดียวได้นก 2 ตัว

เรื่องมันก็สืบเนื่องมาจากกรณีเสี่ยจืด โอนหุ้นในพอร์ตมาจาก บล.กสิกรไทย มาที่ บล.เออีซี ไว้พักหนึ่ง จากนั้นก็ทำการโอนหุ้นบางส่วนให้บุคคลบางคน และโอนอีกบางส่วนไปที่ บล.อาร์เอชบี โอเอสเค จำกัด ก่อนที่จะเสียชีวิตกะทันหัน

ตำรวจสืบทราบมา จากการสอบสวนตามคำร้องเรียนของพี่สาวและภรรยาเสี่ยจืด และเปิดโปงว่า การตายของเสี่ยจืดนั้น มีเงื่อนงำ เพราะโอนหุ้นส่วนหนึ่งให้แม่ของมาร์เก็ตติ้งสาวรายหนึ่งของ บล.เออีซี ที่มีความสัมพันธ์พิเศษกัน แล้วโอนอีกบางส่วนไปให้กับพริตตี้สาวที่ (อ้างว่า) ตั้งท้องกับเสี่ยจืด

งานนี้ ก็เลยมีข้อกล่าวหาว่า บล.เออีซี และพนักงานบางส่วนเป็นเรื่องราวใหญ่โต ทั้งที่ผู้บริหารก็ออกมานั่งยัน นอนยันว่า บริษัทได้ส่งข้อมูลให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมถึงสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เรียบร้อยแล้ว และยืนยันได้ว่า เส้นทางการโอนหุ้นทั้งหมด ได้ทำถูกต้องทุกกระบวนการ อีกทั้งยังได้มีการตรวจสอบตามหลักการรู้จักลูกค้า (KYC/CDD) อย่างละเอียด

ก.ล.ต. ทำการสอบสวนซ้ำ แล้วประกาศว่า… หลังจาก ขอให้ บล.ที่เกี่ยวข้องชี้แจง และเข้าตรวจสอบบริษัท พร้อมทั้งสอบถ้อยคำผู้ที่เกี่ยวข้อง…ในกรณีโอนหุ้นจำนวนมากให้คนที่ไม่รู้จักกันก่อนเสียชีวิตไม่นาน ก็พบว่า มีความผิดจริง…แต่เป็นความบกพร่องในระบบงาน ไม่ใช่การฉ้อฉล หรือโกงลูกค้า แบบที่ตำรวจตั้งโจทย์เอาไว้

ความผิดพลาดดังกล่าว ก.ล.ต. ชี้ว่า พบว่าระบบการตรวจสอบงานของบริษัทหลักทรัพย์ เออีซี มีลูกค้าหลายรายทำธุรกรรมไม่สอดคล้องกับศักยภาพทางการเงินและความรู้ด้านการลงทุนอย่างมีนัยสำคัญ มีการพบความบกพร่องในกระบวนการสอบและดูแลทรัพย์สินของลูกค้า รวมถึงการขาดประสิทธิภาพในการดูแลเพื่อป้องกันความขัดแย้งทางผลประโยชน์

ความผิดดังกล่าว เข้าข่ายความบกพร่องจากการปฏิบัติหน้าที่และไม่ปฏิบัติตามมาตรา 113 แห่ง พ.ร.บ.หลักทรัพย์ คือ การทำความรู้จักลูกค้าและตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้า การกำกับดูแลทรัพย์สินของลูกค้า การกำกับดูแลเพื่อป้องกันการใช้ข้อมูลภายใน ความขัดแย้งทางผลประโยชน์ของบริษัท

โทษที่ ก.ล.ต.วินิจฉัยดังกล่าว จึงมีความผิด โดยปรับ บล.เออีซี เป็นจำนวนเงิน 1,101,000 ล้านบาท

ส่วน อาร์เอชบี โอเอสเค รอดตัวไป ไม่พบความผิดใดๆ

อย่าได้ถามว่าทำไมต้องเป็นจำนวนเงินดังกล่าว…ไม่มากกว่านี้…หรือไม่น้อยกว่านี้

ลงโทษแค่นี้ยังไม่พอ ก.ล.ต. ยังสำทับเพิ่มเติมว่า จะไม่ทบทวนอีก และต่อไปนี้จะตรวจเข้ม บล.แห่งนี้ทุกปีเลยทีเดียว…ปีละครั้ง

ส่วนคนที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ก็แบ่งรับโทษกระจายกันไป เพราะแบ่งออกเป็น

– ลงโทษ 2 ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม นายธาดา จันทรประสิทธิ์ ควบคุมงานปฏิบัติการด้านหลักทรัพย์ และนายพิสิทธิ์ ปทุมบาล ควบคุมสายงานให้บริการด้านหลักทรัพย์ โดยสั่งพักงาน 6 เดือน ข้อหาว่า ละเลยในการตรวจสอบ จนเป็นเหตุให้มีการกระทำผิด มีผลตั้งแต่วันที่ 29 ธ.ค.นี้ โดยอาจจะมีโทษเพิ่มเติม  ที่ ก.ล.ต.จะเสนอ ต่อคณะกรรมการเปรียบเทียบเพื่อพิจารณาเปรียบเทียบความผิด เป็นโทษปรับไม่เกิน 2 แสนบาท

– เจ้าหน้าที่มาร์เก็ตติ้งที่เกี่ยวข้องกับเสี่ยจืด 3 คน ถูกลงโทษหนักเบาต่างกันไป คือ  น.ส.อุรชา วชิรกุลฑล ที่รับเงินไป 60 กว่าล้านบาท เพราะมีสัมพันธ์พิเศษ ถูกพักงาน 10 ปี มีผลตั้งแต่วันที่ 22 ธ.ค. 2558 นายนัฐพล เฉลิมพจน์ พักงาน 6 เดือน และ น.ส.พัชรีย์ ธัชธำรงชัย พักงาน 1 เดือน

 ที่น่าสนใจคือ ไม่มีข้อกล่าวหาว่าฉ้อฉล หรือโกงลูกค้าเลย …ถือว่า จบๆ กันไป เพราะข้อกล่าวโทษว่าประมาทหละหลวมนั้น มันเป็นเรื่องเกิดขึ้นได้ในระบบงาน…แก้ไขได้ไม่ยาก

สำหรับกรณี มาร์เกตติ้งสาว ที่ชื่อ อุรชา นั้น คงไม่ถึงกับเดือดร้อนอะไร เพราะ…ใครก็รู้ และคุณเธอก็รู้ดีว่า ได้เงินโอนจากเสี่ยจืดไปแล้วโดยเสน่หา..หลายสิบล้านบาท ไม่ต้องเป็นมาร์เกตติ้งให้เมื่อยแข้ง เมื่อยนิ้วมือ และเมื่อยปาก…หากใช้เงินเป็น และทำให้งอกเงยได้…ไม่ทำตัวเป็น สามล้อถูกหวย

ตั้งโต๊ะแถลงข่าวด้วนซะใหญ่โต… ก.ล.ต.แจกเอกสารวกไปวนมาไม่รู้เรื่องยาวถึง 4 หน้า..มีสาระแค่นี้เองว่า…เป็นโบรกเกอร์อิสระ ไม่มีเส้นก๋วยจั๊บ เหมือนพวกมีธนาคารพาณิชย์ หรือต่างชาติ หนุนหลัง…มันก็ต้องยอมรับสภาพถูก “เชือดไก่ให้ลิงดู” อย่างนี้แหละ

ประพนธ์ มิลินทจินดา ผู้ถือหุ้นใหญ่สุดของ บล.เออีซี…คงต้องทำใจ..และรับสภาพ บล.ชั้นรอง..กินน้ำใต้ศอกไปอีกนานพอสมควร

ทราบแล้วเปลี่ยน…