สังคมข่าวหุ้น
จับตาการประกาศตัวเลขอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในไตรมาส 3/66 ใน 20 พ.ย. รวมไปถึงตัวเลขการค้าระหว่างประเทศทั้งส่งออกและนำเข้า
ดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,415.78 จุด เพิ่มขึ้น 0.44 จุด มูลค่าซื้อขาย 45,607.55 ล้านบาท จับตาการประกาศตัวเลขอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในไตรมาส 3/2566 ในวันที่ 20 พ.ย. รวมไปถึงตัวเลขการค้าระหว่างประเทศทั้งส่งออกและนำเข้า
BGRIM ราคาหุ้นล่าสุด (17 พ.ย. 2566) ปรับเพิ่มขึ้น 2.94% มาปิดตลาดที่ 26.25 บาท รับแนวโน้มปี 2567 มีปัจจัยหนุนดันผลประกอบการโตต่อเนื่อง จากการ COD โครงการใหม่ทั้งในและต่างประเทศ ต้นทุนราคาก๊าซธรรมชาติลดลง และบุ๊กรายได้เต็มปีโครงการอ่างทอง 2 และ 3 ยอดขายไฟกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม เพิ่มอีก 50-60 เมกะวัตต์ ส่วนแผนลงทุนโครงการ LNG to Power ในเวียดนาม ขณะนี้ยังรอความชัดเจนแผน PDP8 จากทางรัฐบาลเวียดนามชัดเจนก่อน ด้านโบรกฯ คาดกำไรปี 2567 แข็งแกร่ง แนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 36 บาท ถือว่ายังมีอัพไซด์อีกราว 37%
BCPG ตั้งเป้าปี 2573 กำไรพุ่ง 3,000 ล้านบาท กางแผน 7 ปีทุ่มงบลงทุนราว 50,000 ล้านบาท เพิ่มกำลังการผลิตที่ COD เป็น 2,000 เมกะวัตต์ จากปัจจุบัน COD แล้ว 1,249.8 เมกะวัตต์ ขณะที่ปี 2567 คาดอีบิทด้าโต 30% วางงบลงทุน 14,000 ล้านบาท ใช้พัฒนาโครงการที่อยู่ในพอร์ต 8,000 ล้านบาท ส่วนอีก 6,000 ล้านบาท เล็งใช้ลงทุนในโครงการใหม่ ขยายสู่ธุรกิจที่เป็น New S-Curve เพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
BANPU คาดรายได้ปีหน้าดีขึ้น หลังภาพรวมผลการดำเนินงานทุกธุรกิจเติบโต โดยเฉพาะธุรกิจไฟฟ้าที่ยังสร้างรายได้เพิ่มตามกำลังการผลิตใหม่ รวมถึงธุรกิจไฟฟ้าหลายแพลตฟอร์มใหม่ ๆ ที่เริ่มทยอยสร้างรายได้ เช่น ในออสเตรเลีย เป็นต้น พร้อมดัน BKV เข้าตลาดหุ้นนิวยอร์กหลังตลาดนิ่ง
BPP ลุ้นปิดดีล M&A โรงไฟฟ้าในสหรัฐอเมริกาเพิ่ม หลังจากได้เข้าลงทุนในโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple I และ Temple II แล้ว ที่ยังคงรักษาระดับที่ดีต่อเนื่อง จากความต้องการใช้ไฟฟ้าในสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น ท่ามกลางซัพพลายที่ค่อนข้างจำกัด อีกทั้งยังพิจารณาการขยายลงทุนโครงการเพิ่มเติมในไทย ลาว จีน ญี่ปุ่น เวียดนาม อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย ซึ่งมีฐานการลงทุนอยู่แล้ว และมองว่ายังมีโอกาสเติบโตอีกมาก โดยเฉพาะจีน ที่คาดว่าเศรษฐกิจปีหน้าจะดีขึ้น หวังดันพอร์ตไฟฟ้าแตะเป้า 5,300 เมกะวัตต์ในปี 2568
CV กำหนดราคาหุ้นเพิ่มทุน RO ใหม่ที่ 0.50 บาท/หุ้น พ่วงวอร์แรนต์ 0.50 บาท/หุ้น กำหนดเวลาการใช้สิทธิวันที่ 5–19 ม.ค. 2567 เพื่อให้สอดคล้องกับราคาหุ้นในปัจจุบัน ย้ำเป็นการรักษาผลประโยชน์สูงสุดของผู้ถือหุ้น และเพื่อให้สามารถดำเนินการได้สำเร็จตามวัตถุประสงค์
SGP เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป จำนวน 2 รุ่น ประกอบด้วย รุ่นอายุ 2 ปี 9 เดือน อัตราดอกเบี้ยราว 4.75-4.95% ต่อปี และอายุ 4 ปี 2 เดือน อัตราดอกเบี้ยราว 4.95-5.15% ต่อปี กำหนดจ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน คาดว่าเสนอขายระหว่างวันที่ 14-15 ธ.ค.และ 18 ธ.ค. 2566 ผ่านสถาบันการเงินชั้นนำ 5 แห่ง ประกอบด้วย ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย, ธนาคารยูโอบี, บล.เอเซีย พลัส และ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) เพื่อนำเงินไปชำระคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนด มั่นใจได้รับผลการตอบรับดีจากนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในหุ้นกู้ที่อยู่ในกลุ่ม “ระดับลงทุน” โชว์หุ้นกู้ SGP ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ “BBB+” มีแนวโน้มอันดับเครดิต “ลบ” จากทริสเรทติ้ง เมื่อวันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา