ตั้งลำขึ้น..รอวอลุ่มหนุน
ดูเหมือนแฟนคลับหลายรายยังอยากให้ “โมนิก้า” แฉพฤติกรรมเจ้าเล่ห์ของผู้บริหาร และโบรกเกอร์หัวหมอบางแห่งที่อาศัยความได้เปรียบบางประการทำนาบนหลังนักลงทุนนั้น
ดูเหมือนแฟนคลับหลายรายยังอยากให้ “โมนิก้า” แฉพฤติกรรมเจ้าเล่ห์ของผู้บริหาร และโบรกเกอร์หัวหมอบางแห่งที่อาศัยความได้เปรียบบางประการทำนาบนหลังนักลงทุนนั้น เดี๊ยนขอเวลารวมข้อมูลอีกระยะหนึ่ง ต่อจากนั้นจะเริ่มเล่าให้ฟังเป็นฉาก ๆ เพราะเรื่องเร่งด่วนที่เดี๊ยนต้องทำควบคู่กับการหารายละเอียดของแผนฟี้นฟู JKN ก็คือการหาข้อมูลหุ้นที่เป็นประโยชน์มาให้นักลงทุนน่ะซี
ประกอบกับนักลงทุนมีเริ่มมีความมั่นใจในการลงทุนมากขึ้น หลังมีการเรียกร้องให้เลิกใช้โรบอทในการเทรดหุ้น ผสานกับมีการตรวจสอบเชิงลึกเกี่ยวกับการขายชอร์ตอย่างจริงจัง เลยส่งผลให้บรรยากาศการลงทุนดูดีขึ้นเป็นลำดับ ดัชนีถึงประคองตัวเหนือระดับ 1,520 จุดต่อไปอีกหนึ่งวัน และลงเอยด้วยการยืนปิดที่ระดับ 1,423.61 จุด บวกไป 4.17 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.77 หมื่นล้านบาทไงล่ะคะ
วันนี้เลยเป็นจังหวะของการเฟ้นหุ้นสตอรี่สวย และมีแนวโน้มผลงานโตเป็นลำดับแรก ซึ่งเป็นเรื่องที่ “โมนิก้า” ให้ความสนใจมากเป็นพิเศษในช่วงที่ผ่านมา เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า ในอนาคตหุ้นจะวิ่งกลับไปหาราคาเหมาะสมอย่างแน่นอน และในเวลานี้ก็มีหุ้นหลายตัวที่น่าจับตา เดี๊ยนเลยขอนำเสนอหุ้นตัวที่ว่า ดี ๆ เจ๋ง ๆ ให้แฟนคลับรับไปพิจารณาอีกทอดหนึ่ง เพราะเดี๊ยนไม่อยากบังคับให้ใครเชื่อตามน่ะซี
ตัวแรกที่น่ารักน่าลุ้นเหลือเกิน “โมนิก้า” ขอมองไปที่หุ้น OR เพื่อชี้ให้เห็นแนวโน้มกำไรต่อหุ้นปีนี้น่าจะอยู่แถว 1 บาทเป็นอย่างต่ำ และอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลขั้นต่ำน่าจะอยู่แถว 2% เดี๊ยนเลยเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจว่า การยืนปิดที่ระดับ 20 บาท บวกไป 0.20 บาท หรือขึ้นไป 1% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 590 ล้านบาท ยังมีแก๊ปให้วิ่งอีกบานตะไท เพราะถ้ามองบนพีอี 22-23 เท่า ราคาหุ้นก็ควรอยู่แถว 22-23 บาทอ๊ะป่าว!
เช่นเดียวกับการยืนต่ำร้อยของหุ้น SCB มักทำให้หัวใจของเดี๊ยนพองโตทุกครั้ง เพราะมันคือโอกาสของการเล่นรอบของเซียนต่าง ๆ ผนวกกับที่ผ่านมาก็เคยเห็นหุ้นพยายามยืนเหนือร้อยมาสองสามครั้ง แต่ก็ยังทำไม่สำเร็จดังใจหวังสักทีนั้น “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องของบรรยากาศลงทุนไม่เอื้อมากกว่า เพราะมองในมุมของการเทรดบน PE 8.40 เท่า เทียบกับการยืนปิดที่ระดับ 99.25 บาท บวกไป 0.75 บาท หรือขึ้นไป 0.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 513 ล้านบาท มันน่าเสี่ยงดูสักตั้งนะคะ
ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้นปูนใหญ่ SCC เพื่อสะท้อนแนวคิดของพวกกองทุน..กำลังคิดอะไรอยู่? ทำไมถึงมองข้ามหุ้นตัวนี้แบบไม่มีเยื่อใย ทั้งที่การยืนปิดที่ระดับ 294 บาท บวกไป 5 บาท หรือขึ้นไป 1.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 570 พันล้านบาท มันเป็นระดับที่ต่ำพอ ๆ กับช่วงที่โควิดระบาดหนักในปี 63 และถ้ามองการเทรดบน PE 13 เท่า เทียบกับตลาดหุ้นไทยเทรดบน PE 18 เท่า..มันไม่น่าสนใจตรงไหน..ช่วยบอกทีเถอะ!
คล้ายกับสถานการณ์ของหุ้น AAI พุ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 3.92 บาท บวกไป 0.16 บาท หรือขึ้นไป 4.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 130 ล้านบาท ทั้งที่ผลงาน 9 เดือนแรกไม่ปังเหมือนที่บรรดาแมงโม้เม้าท์กันไห้แซ่ด! เดี๊ยนเลยเกิดอาการประหม่าเมื่อเห็นราคาหุ้นชอบโอเว่อร์แอคติ้งในจังหวะที่ไม่มีอะไรซัพพอร์ตแบบเห็นเนื้อเห็นหนัง จึงไม่สามารถคอมเมนต์อะไรเพิ่มเติมจากสิ่งที่เคยเกิดขึ้นไงล่ะคะ
ส่วนรายที่คอมเมนต์ได้เต็มปาก น่าจะเป็นการเด้งกลับของหุ้น JKN ในลักษณะฝืนธรรมชาติอย่างเห็นได้ชัดแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเกมลากไปเชือดอย่างแน่นอน และเหตุผลที่สะท้อนความน่ากลัวของหุ้นตัวนี้ได้ดีสุดก็คือ การใช้ข้อ “กฎหมาย” งัดข้อกับความ “ชอบธรรม” ซึ่งเป็นเรื่องที่สังคมรับไม่ได้จริง ๆ และการยืนปิดที่ระดับ 0.49 บาท บวกไป 0.12 บาท หรือขึ้นไป 32.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 89 ล้านบาท ก็คงถูก ตลท. ตรวจสอบทุกเม็ดพะย่ะค่ะ
ตรงกันข้ามกับของจริงที่ไม่ต้องพูดเยอะอย่าง JPARK ก็ปิดดีลที่จอดรถ รพ.ศิริราช กว่าพันที่จอดมาได้แบบนี้ มันเป็นจังหวะที่บังคับให้นักเล่นเข้าตะลุมบอนอย่างไม่ต้องสงสัย และเป็นเหตุให้ราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 5.70 บาท บวกไป 0.55 บาท หรือขึ้นไป 10.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 163 ล้านบาท แถมโบรกเกอร์ให้ราคาเป้าหมายสูงถึงระดับ 6.50 บาทแบบนี้..ชอบไหม..ชอบไหม!