TQM กระแสเงินสด+เติบโตดี

TQM ช่วงหลังมูลค่าการซื้อขายหรือสภาพคล่องมีไม่มากนัก อย่างวานนี้ซื้อขายกันด้วยมูลค่าเพียง 18.1 ล้านบาท หากเทียบกับช่วงที่เข้าเทรดใหม่ ๆ


บมจ.คิวเอ็ม อัลฟา (TQM) ช่วงหลังมูลค่าการซื้อขายหรือสภาพคล่องมีไม่มากนัก

อย่างวานนี้ซื้อขายกันด้วยมูลค่าเพียง 18.1 ล้านบาท

หากเทียบกับช่วงที่เข้าเทรดใหม่ ๆ

หรือช่วงที่เกิดโควิด-19 หุ้นนายหน้าประกันแห่งนี้มีวอลุ่มต่อวันหลายร้อยล้านบาท

ล่าสุด กำไรงวดไตรมาส 3/2566 อยู่ที่ 207 ล้านบาท

และกำไรงวด 9 เดือนแรกปีนี้ประมาณ 600 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า ตัวเลขออกมาค่อนข้างทรงตัว

ส่วนแนวโน้มไตรมาส 4/2566 นั้น

นักวิเคราะห์เพิ่งจะมีการประชุมร่วมกับผู้บริหารของบริษัทฯ หรือ Analyst meeting

ผลสรุปคร่าว ๆ ที่ออกมา ต่างยังคงมีมุมมองเชิงบวกกับหุ้นในกลุ่มประกันตัวนี้

กำไรไตรมาส 4 จะเพิ่มขึ้นทั้งเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนและไตรมาสก่อนหน้า ส่งผลมีกำไรทั้งปีที่ 862 ล้านบาท เพิ่มขึ้น7% นี่คือการคาดการณ์ของโบรกฯ

บล.กรุงศรี พัฒนสิน ให้ราคาเป้าหมาย 45 บาท P/E 2567 ที่ 17.3 เท่า

ส่วนราคาปิดวานนี้อยู่ที่ 28.25 บาท

หากใช้ราคาปิดวานนี้เป็นฐาน จะพบว่ามีอัพไซด์อยู่ 59.29% ขณะที่หุ้นให้อัตราผลตอบแทนเงินปัน (ดิวิเดนด์ยีลด์) 4.9%

ทั้งตัวเลขอัพไซด์ และยีลด์ปันผลถือว่าน่าสนใจ

สามารถซื้อถือยาว เก็บเป็นหุ้นปันผล หรือหวังอัพไซด์ยังได้

และยังเป็นหุ้นในกลุ่มที่มีความปลอดภัยสูง

สำหรับ TQM ยังคงแผนทำโมเดลธุรกิจแบบ “ลดการถือครองสินทรัพย์” (Asset light model)

เป้าหมายเพื่อลดต้นทุนคงที่ (Fixed Cost) จากการขยายสาขาเองผ่านการทำการตลาดแบบพันธมิตร (affiliate partnership)

ล่าสุดจับมือกับ LINE SHOPPING เพื่อเพิ่มช่องทางการขายประกัน โดย LINE SHOPPING มีฐานลูกค้ากว่า 12 ล้านราย ซึ่งจากข้อมูลตรงนี้ทำให้สะท้อน Upside risk เพิ่มของหุ้น

TQM ยังมองอุตสาหกรรมรถยนต์ EV เติบโตต่อเนื่อง

ผู้บริหารมองรถยนต์ EV นั่งส่วนบุคคลที่จดทะเบียนใหม่ จะแตะระดับ 7-8 หมื่นคันในปี 2566 (จาก 9.5 พันคันในปี 2565 และ 5.8 หมื่นคันใน 9 เดือนแรกของปี 2566)

การเติบโตของรถยนต์อีวีเป็นผลบวกต่อ TQM

เหตุผลเพราะค่าเบี้ยประกันของรถยนต์ EV ที่สูงกว่ารถยนต์สันดาปราว 30-40% สะท้อนรายได้ที่เพิ่มมากขึ้น

ผู้บริหารบริษัทฯ คาดเริ่มเห็นยอดขายประกันรถยนต์ EV เพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป

โดยสรุป ผู้บริหารมีมุมมองแนวโน้มไตรมาส 4/2566 จะเป็นไตรมาสที่ดี เพราะเป็นไฮซีซั่นของธุรกิจ

เพราะจะมีรถยนต์จำนวนมากที่ครบกำหนดคุ้มครองของกรมธรรม์เดิมและเข้ามาต่อประกัน และ TQM ถือเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดครองมาร์เก็ตแชร์ราว 6.2%

นั่นทำให้คาดจะได้รับอานิสงส์บวกจากประเด็นนี้

นอกจากนี้ หากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนคาดปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน เพราะมีหนุนจากทั้ง “ประกันยานยนต์” (มอเตอร์) ที่มีฐานลูกค้าใหม่ ๆ เข้ามามากขึ้น และประกันที่ไม่ใช่กลุ่มยานยนต์มีการขยายตัวต่อเนื่อง

ส่วนแผนงานในปี 2567 ปัจจุบันอยู่ระหว่างทำรายละเอียดของธุรกิจ

ทว่า เบื้องต้นผู้บริหารยังประเมินว่าเบี้ยประกันที่มีการขายผ่านช่องทางของบริษัทยังเติบโตได้ในระดับ 5-10%

สาเหตุจากปัจจุบันลูกค้าเห็นความสำคัญของการทำประกันมากขึ้น

รวมถึงบริษัทพยายามเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ รวมถึงวิธีการขายที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

TQM ยังมีธุรกิจการปล่อยสินเชื่อภายใต้ บริษัท อีซี่ เลนดิ้ง (Easy Lending) ปี 2566 โดยจะมียอดปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ตามเป้าที่ 3,000 ล้านบาท

ส่วนปี 2567 เบื้องต้นตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อใหม่ที่ 5,000 ล้านบาท

ส่วนใหญ่จะเป็นสินเชื่อเพื่อการซื้อประกันภัยของบริษัทซึ่งแม้อัตราผลตอบแทนไม่สูงแต่ความเสี่ยงต่ำ

ด้านสินเชื่อจำนำทะเบียนจะเริ่มขยายตลาดมากขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายปี 2566 หลังเปิดตัว Easy Lending เป็นทางการ โดยจะเริ่มจากการทำตลาดบนฐานลูกค้าเดิมของบริษัท มีจุดเด่นคือ

1.ความเสี่ยงต่ำ

2.สามารถใช้ต้นทุนบางอย่างร่วมกับ TQM ได้ เช่น โครงสร้างพื้นฐาน และการใช้พนักงานขายคนเดียวกันทั้งขายประกันและแนะนำสินเชื่อ ขณะที่ปัจจุบันบริษัทยังสามารถใช้ “กระแสเงินสด” ของบริษัทและเงินกู้ยืมระยะสั้นจากธนาคารในการขยายสินเชื่อได้

โดยไม่ต้องออกหุ้นกู้เพิ่มเติม

Back to top button