หุ้นแสบ: จากสตาร์คสู่ JKN

ก็ดูเอาเถอะ! หุ้น JKN หรือ เจเคเอ็น โกลบอลของนายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ หรือที่รู้จักกันดีในนาม “เจ๊แอน” ขนาดมีเรื่องราวอึงคะนึงซะขนาดนี้  ราคาหุ้นยังวิ่งสวน “ข่าวร้าย” เฉยเลย


ก็ดูเอาเถอะ! หุ้น JKN หรือ เจเคเอ็น โกลบอลของนายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ หรือที่รู้จักกันดีในนาม “เจ๊แอน” ขนาดมีเรื่องราวอึงคะนึงซะขนาดนี้  ราคาหุ้นยังวิ่งสวน “ข่าวร้าย” เฉยเลย

บวกมา 6 วันติด บางวันยังโชว์ซิลลิ่งให้ดูเป็นขวัญตา ตั้งแต่วันที่ 16-23 พ.ย.วิ่งจาก 0.25 บาทมาจนมาถึง 0.64 บาท เพียง 6 วัน หุ้นขึ้นมาถึง 156% ช่างน่าอัศจรรย์ดีแท้ 

นักลงทุนและแมงเม่าที่ตามแห่เข้าไปลุยไฟ คิดอะไรกันอยู่!

ว่ากันตามเนื้อผ้าแล้ว อนาคตในกิจการของ JKN ไม่สู้จะดีเอาเสียเลย มีแต่ความไม่แน่นอนทั้งในเรื่องของจำนวนหนี้สูง-รายได้ต่ำ ผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็น

เพราะไม่อาจตรวจสอบความถูกต้องในเรื่องสินทรัพย์ไม่มีตัวตนเช่นลิขสิทธิ์ต่าง ๆ รวมทั้งลูกหนี้ค้างชำระเป็นจำนวนรวมกันถึง 1 หมื่นล้านบาท แต่บริษัทกลับประสบปัญหาขาดสภาพคล่องอย่างหนักจนมีการผิดนัดชำระหนี้ตั้งแต่งวดแรกกว่า 600 ล้านบาทที่ครบกำหนดในวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา

อีกทั้งยังมีปัญหาในเรื่องของความโปร่งใสและความถูกต้องทางกฎหมาย กรณีมติบอร์ดเห็นชอบให้ JKN ยื่นศาลล้มละลายกลางเพื่อขอฟื้นฟูกิจการ โดยไม่เชิญกรรมการ 2 คนเข้าประชุม ตลอดจนการรายงานตลท.ที่ไม่อยู่กับร่องกับรอย 

ซึ่งตอนแรกแจ้งตลาดฯ ว่าบอร์ดให้ความเห็นชอบให้ยื่นคำขอฟื้นฟูฯ แล้ว แต่ภายหลังกลับคำชี้แจงว่าคำขอเข้าฟื้นฟูกิจการ ไม่มีกฎหมายบังคับให้ใช้มติบอร์ด

ตกลงตามกฎหมายบริษัทมหาชน กรณีนำกิจการบริษัทเข้าทำแผนฟื้นฟูฯ ต้องใช้มติบอร์ดหรือไม่ต้องใช้มติบอร์ดกันแน่!

อนาคต JKN มีแต่ความไม่แน่นอนรออยู่ ตั้งแต่แผนเข้าฟื้นฟูกิจการ ก็ยังไม่แน่ว่าศาลฯ จะรับคำร้องหรือ

ไม่ ระหว่างรอคำสั่งศาลฯ JKN จะจัดการกับเจ้าหนี้หุ้นกู้ทั้งหมด 3.2 พันล้านบาทอย่างไร อาจต้องมีการตั้งผู้สอบบัญชีพิเศษกันใหม่ ซึ่งงบกำไรที่เคยสวยหรูอาจพลิกกับตาลปัตรมาเป็นขาดทุนเสียก็ได้

อนาคต อาจต้องขึ้นเครื่องหมาย SP ห้ามการซื้อขายเสียล่ะไม่ว่า แล้วแมงเม่าไประเริงไฟกันทำไม

ข้อผิดพลาดมหันต์ที่มีร่วมกันระหว่างสตาร์คกับ JKN อย่างหนึ่งก็คือ การแจ้งต่อก.ล.ต. หน่วยงานที่ให้การอนุญาตคำขอออกหุ้นกู้ก็คือ จะขายหุ้นกู้แก่นักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนรายใหญ่ (High Net Worth) ไม่ได้ขายให้นักลงทุนรายย่อย (นักลงทุนทั่วไป)

ข้อปฏิบัติในการขายหุ้นกู้ให้นักลงทุนประเภทใดก็มีความแตกต่างกันอย่างมาก การขายให้นักลงทุนสถาบันนั้น ง่ายที่สุด ขั้นตอนน้อย และใช้เวลาน้อย ไม่ต้องยื่น ไม่บังคับจัดอันดับความน่าเชื่อถือ

การขายให้นักลงทุนรายใหญ่ ใช้เวลาพิจารณาไฟลิ่งประมาณ 30 วัน ไม่บังคับจัดอันดับฯ และไม่ต้องแต่งตั้ง FA

แต่ถ้าระบุจะขายให้นักลงทุนรายย่อยนี่สิ จะต้องทำแบบไฟลิ่งโดยละเอียด เสมือนการออกหุ้น IPO เลยทีเดียว ก.ล.ต.ใช้เวลาพิจารณาสูงสุดถึง 120 วัน  ซึ่งทั้ง STARK และ JKN ระบุต่อก.ล.ต.ว่าจะขายสถาบันและรายใหญ่ ไม่ขายรายย่อย

แต่ก็น่าเศร้าเหลือเกินในทางปฏิบัติกลับมีหุ้นกู้ทั้ง 2 ตัวดังกล่าว หลุดออกมาขายรายย่อยเป็นจำนวนมากพอสมควร นับเป็นหลักพันราย อันเป็นการล่อแหลมผิดกฎหมาย

ผมขอยืนยัน ณ ที่นี้เลยว่า ในขั้นตอนปฏิบัติของการจำหน่ายหุ้นกู้ผ่านทางช่องทางธนาคารพาณิชย์และบริษัทหลักทรัพย์ มีความหละหลวมในการปล่อยขายหุ้นกู้ทั้งสองมายังนักลงทุนรายย่อย อันเป็นการผิดไปจากคำขออนุญาตต่อก.ล.ต.

ธนาคารพาณิชย์นั้น ก็เป็นในธนาคารระดับท็อปทรี ส่วนบริษัทหลักทรัพย์ก็เป็นระดับโบรกเกอร์กลาง ๆ แต่มีชื่อเสียง

หุ้นกู้สตาร์คจำนวน 9.7 พันล้านบาท มีผู้เสียหายที่เป็นนักลงทุนรายย่อยมาเข้าชื่อร้องเรียนแล้วประมาณ 4,000 ราย ส่วนหุ้นเจ๊แอนจำนวน 3.2 พันล้านบาท มีนักลงทุนรายย่อยรวมตัวกันร้องเรียนแล้วประมาณ 360 ราย

นี่เป็นเรื่องความผิดที่ก.ล.ต.ต้องสอบสวน และต้องเรียกคนผิดมารับผิดชอบต่อความเสียหายแก่นักลงทุนรายย่อยด้วย

Back to top button