เหนือ 1,400 จุดอีกครั้ง!

สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยวานนี้อาจคลายความตึงเครียดได้บ้าง... เมื่อดัชนีรีบาวด์ขึ้นมาเคลื่อนไหวในแดนบวกแล้วสามารถปิดยืนเหนือ 1,401.42 จุด บวกไป 8 จุด ด้วยมูลค่าซื้อขาย 3.71 หมื่นล้านบาท


สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยวานนี้อาจคลายความตึงเครียดได้บ้าง… เมื่อดัชนีรีบาวด์ขึ้นมาเคลื่อนไหวในแดนบวกแล้วสามารถปิดยืนเหนือ 1,401.42 จุด บวกไป 8 จุด ด้วยมูลค่าซื้อขาย 3.71 หมื่นล้านบาท เดี๊ยนเห็นโอกาสที่ดัชนีจะทะยานขึ้นต่อแบบไม่มีเงื่อนไขแต่สั้นนะ เนื่องจากมีปัจจัยหนุนจากความเชื่อมั่นดอกเบี้ยขาขึ้นของสหรัฐฯ น่าจะสิ้นสุดแล้ว หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาชะลอตัวลงนั่นเองเพคะ

ผลตามมาส่งผลให้ตัวบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ อายุ 10 ปี ปรับตัวลงสู่ระดับ 4.38% รวมถึงดัชนีดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าแตะ 103 จุด หนุนสินทรัพย์เสี่ยงปรับตัวขึ้น ผลดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ถึงบางอ้อมาตลาดหุ้นไทยรีบาวด์ พร้อมนักลงทุนเข้ามาไล่ซื้อหุ้นรายตัวที่คาดว่าได้รับอานิสงส์ หุ้นเหล่านี้น่าลงทุนเหมือนกับข้อมูลที่เดี๊ยนคัดกรองออกมานำเสนอไหม? ขณะเดียวกันก็อยากรู้เหมือนกันว่า แฟนคลับมีความคิดเห็นไปในทางเดียวกันกับอีฉันมากขนาดไหน? พะยะค่ะ  

โดยรายแรกที่ต้องยกพื้นที่เม้าท์ให้ก่อนใครเพื่อน “โมนิก้า” คงต้องมองไปที่หุ้น TIDLOR หลังมีแรงซื้อเข้ามารอบใหม่จนราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 23 บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไป 1.77% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 603 ล้านบาท ผนวกกับสามารถยืนบนเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันแข็งแกร่ง ของดีเลยต้องบอกต่อ!! พร้อมเห็นว่าทางบริษัทสามารถควบคุมในส่วนของ NPL ได้ดีมากขึ้นเลยล่ะ อย่างนั้นไตรมาส 4/66 คงได้เห็นผลงานเติบโตต่อเนื่องแน่อิอิ

อีกรายที่ไม่ควรกระพริบตา “โมนิก้า” ขอชี้เป้าไปที่หุ้น JAS มาคราวนี้ไม่ธรรมดา โดยเสียงลือว่าจะได้เห็นการจ่ายปันผลพิเศษแบบที่การันตีว่ามาแน่!! แถมพรายกระซิบอีกว่าปันผลไม่ต่ำกว่า 1.50 บาทต่อหุ้น…มันเยอะนะ อุ้ยลืมอีกเรื่องขอเมาท์เพิ่มคือเห็นว่าซุ่มศึกษาธุรกิจพลังงานสะอาด ทำให้เกิดแรงซื้อเข้ามาหนาแน่นจนราคาหุ้นขึ้นมาปิดที่ระดับ 2.02 บาท บวกไป 0.12 บาท หรือขึ้นไป 6.32% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 251 ล้านบาท เพราะทุกองคาพยพมันชี้ไปในทางที่ดีขึ้นไงล่ะคะ 

เช่นเดียวกับการขยับตัวของหุ้นโรงพยาบาล BCH ล่าสุดราคาหุ้นขึ้นมาปิดที่ระดับ 21.50 บาท บวกไป 0.20 บาท หรือขึ้นไป 0.94% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 212 ล้านบาท  “โมนิก้า” พุ่งเป้ามองบวกตามนักวิเคราะห์ต่อแนวโน้มกำไตรมาส 4/66 ปรับตัวแข็งแกร่ง จากค่าหัวประกันสังคม โรคไข้หวัดใหญ่ยังระบาดหนัก หรือแม้โมเมนตัมจำนวนผู้ป่วยต่างชาติกลุ่มตะวันออกกลางและ CLMV ยังดีขึ้นต่อเนื่อง รู้อย่างนี้แล้วเคาะขวาสิจ๊ะจะรออะไร!!!

คล้ายกับสถานการณ์ของหุ้น AP ก็มีประเด็นให้น่าติดตามเช่นกัน เพราะการที่หุ้นเปลี่ยนจากการย่ำฐานมาเป็นการขึ้นใหม่ มันกลายเป็นจังหวะที่นักเล่นต้องตามน้ำแบบไม่มีข้อแม้ เพราะสร้างโอกาสที่ราคาจะสามารถยกตัวขึ้นต่อได้ โดยมันเป็นภาพที่ทำให้โมนิก้านึกถึงวันวาน จึงอยากถามนักเล่นว่า การยืนปิดที่ระดับ 11.30 บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไป 3.67% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 198 ล้านบาท เทียบกับยอดแรกที่ทำไว้บริเวณ 11.40-11.50 บาท คุ้มที่จะเสี่ยงไหมเอ่ย?

ตบท้ายกันที่หุ้น MTC กันดีกว่า! เพราะเมื่อหุ้นขยับตัวทีไร…มักไม่จบก็จะเห็นปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยวานนี้ขึ้นมาปิดที่ระดับ 44 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 2.33% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 386 ล้านบาท พร้อมกับมีการตอกย้ำจากนักวิเคราะห์ว่า กำไรมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวจากต้นทุนสินเชื่อลดลง มิหนำซ้ำการเติบโตของสินเชื่อที่แข็งแกร่งในปี 67 และสัญญาณบวกจาก NPL ratio ว่าลดลง เดี๊ยนคิดว่ามันยังเป็นจังหวะของการไหลตามน้ำชัด ๆ เจ้าค่ะ

Back to top button