BROOK ธุรกรรม 2 เด้ง.!?
ผลพวงจากการประกาศเพิ่มทุนครั้งมโหฬารของ CV โดยให้ผู้ถือหุ้นเดิมร่วมลงขันใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 2,560 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 50 สตางค์
ผลพวงจากการประกาศเพิ่มทุนครั้งมโหฬารของบริษัท โคลเวอร์ เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CV โดยให้ผู้ถือหุ้นเดิมร่วมลงขันใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 2,560 ล้านหุ้น (อัตราส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 2 หุ้นใหม่) ที่ราคาหุ้นละ 50 สตางค์ รวมมูลค่า 1,280 ล้านบาท
นอกจากมีคำถามตามมาว่า จะคุ้มค่าหรือไม่..?? ควรใช้สิทธิเพิ่มทุนหรือใส่เงินลงไปหรือเปล่า..?? อันนี้ก็ไม่รู้สินะ
แต่ที่รู้…ถ้าใครไม่ใช้สิทธิเพิ่มทุน ก็จะถูกไดลูท…ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นลดลงไปโดยปริยาย..!!
เอ๊ะ…จะด้วยเหตุนี้หรือเปล่าน้อ..?? ที่ทำให้ “เศรษฐศิริ ศักดิ์สิทธิเสรีกุล” ซึ่งสวมหมวกสองใบ เป็นทั้งผู้ถือหุ้นใหญ่เบอร์หนึ่งและควบตำแหน่งซีอีโอของ CV ต้องไปกู้เงินจากบริษัท บรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BROOK จำนวน 122 ล้านบาท
ถ้าให้เดาเหตุผลที่ “เศรษฐศิริ” ต้องไปกู้เงินจาก BROOK อาจเป็นเพราะอันดับแรก อยากใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนโชว์ละมั้ง..?? เพราะถ้าผู้ถือหุ้นใหญ่ไม่ใช้สิทธิ แล้วใครที่ไหนจะใช้สิทธิล่ะ…จริงมั้ย
ถัดมา ถ้าใครไม่ใช้สิทธิ ก็เป็นไปได้ว่า “เศรษฐศิริ” ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่อาจใช้สิทธิแทนก็ได้นะ…
แต่จะว่าไป ตั้งแต่ต้นเดือน พ.ย.มานี้ “เศรษฐศิริ” เจียดขายหุ้น CV ไปแล้ว 5 ครั้ง รวมจำนวน 36,449,300 หุ้น ได้เงินเข้ากระเป๋าไปราว 32.81 ล้านบาท ไปหยก ๆ…ไม่น่าจะขัดสนร้อนเงินถึงขนาดต้องไปกู้เงินจาก BROOK ซึ่งต้องจ่ายดอกเบี้ยแพงหูฉี่ที่ 14% ต่อปี พ่วงด้วยค่าธรรมเนียมเบิกใช้เงินกู้อีก 1% เลยนะ…อันนี้แปลกป๊ะล่ะ..??
เอาเถอะ ไม่ว่า “เศรษฐศิริ” จะกู้เงิน BROOK ด้วยวัตถุประสงค์ใด..?? อย่าไปหาคำตอบเลย
แต่ในมุมของนายทุนปล่อยกู้อย่าง BROOK จะได้ถึง 2 เด้งด้วยกัน…เด้งแรก รายได้จากดอกเบี้ยที่ 14% ต่อปี รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 17.08 ล้านบาท
ส่วนเด้งที่สอง เป็นรายได้ค่าธรรมเนียมเบิกใช้เงินกู้ที่ 1% จำนวน 1.30 ล้านบาท
เท่ากับว่า การปล่อยกู้ให้กับ “เศรษฐศิริ” ครั้งนี้ ในช่วง 1 ปี…BROOK จะมีรายได้กลับมาเน้น ๆ เนื้อ ๆ กว่า 18.39 ล้านบาทเลยทีเดียว
โอ้…พระเจ้าจอร์จ มันยอดมาก..!! ดีกว่าการเอาเงินไปฝากแบงก์เห็น ๆ นะเนี่ย…
โอเค…แม้ ณ สิ้นไตรมาส 3/2566 BROOK มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดอยู่ในกระเป๋าแค่ 156.12 ล้านบาท…หลังจากปล่อยกู้ให้กับ “เศรษฐศิริ” ไป 122 ล้านบาท ก็จะเหลือเงินติดกระเป๋าแค่ 34.12 ล้านบาท…ซึ่งเดาว่าช่วงระหว่างนี้คงยังไม่มีความจำเป็นที่จะใช้เงินก้อนใหญ่ละมั้ง…
อย่างธุรกิจหลัก ธุรกิจให้บริการด้านข้อมูล ด้านธุรกิจและการเงิน การลงทุน รวมทั้งเป็นที่ปรึกษาอิสระให้แก่องค์กรชั้นนำของภาครัฐบาลและภาคเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ก็ไม่ต้องใช้เงินเยอะแยะ…ในขณะที่ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ที่เคยเป็นความหวังของหมู่บ้านก็ซบเซาอยู่ในช่วงขาลง ก็คงไม่มีความจำเป็นต้องลงทุนอะไรเพิ่มเติมเช่นกัน
ดังนั้น การนำเงินที่มีอยู่มาสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยการปล่อยกู้ให้กับผู้ถือหุ้นใหญ่ CV ที่กำลังหน้ามืดร้อนเงิน…แล้ว BROOK ก็กินรายได้ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมไป…จะได้ประโยชน์มากกว่าการเก็บไว้เฉย ๆ หรือนำไปฝากแบงก์
สงสัยต่อไป BROOK ต้องหันมาเอาดีทางนี้ (ปล่อยกู้) แล้วล่ะ..?
ในเมื่อเป็นที่ปรึกษาการลงทุนก็แล้ว ทำธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลก็แล้ว มันไม่รุ่ง…ก็หันมาเป็นนายหน้าปล่อยกู้มันซะเลย ท่าทางจะรุ่งกว่าเยอะ..!?
…อิ อิ อิ…