พาราสาวะถี
วาระประชุม ครม.อังคารที่ผ่านมา นอกเหนือจากข่าวดีมีการเคาะปรับขึ้นเงินเดือนให้กับข้าราชการแบบมีเงื่อนไข ที่ต้องไปดูในรายละเอียดกันหลายส่วน โดยจะมีผลตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปีหน้า
วาระประชุม ครม.อังคารที่ผ่านมา นอกเหนือจากข่าวดีมีการเคาะปรับขึ้นเงินเดือนให้กับข้าราชการแบบมีเงื่อนไข ที่ต้องไปดูในรายละเอียดกันหลายส่วน โดยจะมีผลตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปีหน้า ยังมีเรื่องการแต่งตั้งโยกย้าย ที่มหาดไทยก็มีการโยกรองผู้ว่าฯ รองอธิบดี เข้ากรุผู้ตรวจ พร้อมแต่งตั้งผู้ว่าฯ ใหม่กันหลายสิบตำแหน่ง ที่กระทรวงต่างประเทศก็ย้ายระดับปลัดกระทรวง ส่วนที่ฮือฮาที่สุดคงเป็นที่กระทรวงยุติธรรมกับการเด้ง พันตำรวจตรี สุริยา สิงหกมล พ้นจากอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ไปนั่งตบยุงในเก้าอี้รองปลัดกระทรวง
โดยที่เจ้าตัวได้บอกลาข้าราชการในดีเอสไอผ่านเพจของกรมทันทีหลังรู้ข่าว ด้วยข้อความ “ทำใจอยู่ตลอดเวลา นับแต่มานั่งเป็นผู้บริหารสูงสุดที่นี่แล้วครับ ว่าต้องถึงวันนี้ แต่ผมเลือกทางเดินและวิถีผมเองตั้งแต่ต้น ไม่เสียใจครับ เพราะทำเต็มที่แล้ว เป็นเกียรติที่ได้ร่วมงานกับทุกท่านครับ” จบแบบไม่ต้องสืบแม้ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง เจ้ากระทรวงยุติธรรมจะอ้างว่าย้ายเพราะจะให้ไปช่วยขับเคลื่อนงานนโยบายสำคัญ ไม่เกี่ยวกับการทำคดีหมูเถื่อน
บอกไปคงไม่มีใครเชื่อ เพราะจำกันได้ก่อนเดินทางไปร่วมประชุมเอเปคที่สหรัฐอเมริกา เศรษฐา ทวีสิน ว้ากลั่นกลางสนามบินสุวรรณภูมิ ไม่พอใจการทำงานของดีเอสไอที่ไม่สามารถจัดการกับตัวการใหญ่ของขบวนการหมูเถื่อน ถึงขนาดมีการขีดเส้นไว้ว่าหลังจากกลับมาแล้วจะต้องมีความคืบหน้ารายงาน และเห็นภาพของการปราบปรามอย่างเด็ดขาด จริงจัง แม้ ธรรมนัส พรหมเผ่า จะนำทีมตั้งโต๊ะแถลงข่าวใหญ่ที่ทำเนียบรัฐบาลก่อนวันประชุม ครม. แต่ก็ไม่สามารถช่วยรั้งเก้าอี้อธิบดีดีเอสไอไว้ได้
ไม่รู้จะเรียกเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดูหรือไม่ ใครที่ไม่สามารถทำตามนโยบายเร่งด่วน และเป็นปัญหาสำคัญที่สามารถจัดการได้ตามกระบวนการทางกฎหมาย ต้องพิจารณาตัวเอง กรณีที่มีเสียงวิจารณ์ว่าเป็นเพราะการทำงานของดีเอสไอ ยิ่งสาวไปลึกยิ่งเจอตอจนต้องเด้งอธิบดีเป็นการสังเวยหรือไม่ ไม่น่าจะใช่ประเด็นนั้น เนื่องจากการดำเนินการเรื่องนี้ถือเป็นคำสั่งตรงมาจากเศรษฐา ที่พบว่ามีปัญหาคาราคาซังกันมายาวนาน
อย่างไรก็ตาม การที่ต้องดำเนินการขั้นเด็ดขาดแบบนี้ เป็นเพราะใกล้ช่วงเวลาที่สภาจะเปิดสมัยประชุมเต็มที จึงต้องเร่งจัดการปัญหาที่อ่อนไหวอันจะเป็นเหตุให้ฝ่ายค้านหยิบยกมาโจมตีได้ เห็นชัดจากคำสั่งแต่งตั้ง จิรายุ ห่วงทรัพย์ เป็นโฆษกกระทรวงกลาโหม ฝ่ายการเมือง ของ สุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมล่าสุด บิ๊กทินยอมรับตั้งมาเพื่อตอบโต้ประเด็นทางการเมือง เนื่องจากข้าราชการประจำซึ่งเป็นทหารไม่สะดวกในการที่จะออกมาตอบโต้เพราะมีเรื่องระเบียบวินัย
จะเห็นได้ว่าการวางหมากทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยเที่ยวนี้ มีการเตรียมพร้อมในทุกด้าน โดยเฉพาะการโต้กลับทางการเมือง จุดไหน กระทรวงใดที่มองว่าเป็นจุดอ่อน จะมีการเสริมทีมการเมืองเข้าไปทำหน้าที่โฆษกเพื่อดูแลด้านการสื่อสารโดยเฉพาะ โดยทีมที่ปรึกษาและเลขานุการจะผสมกันระหว่างคนรุ่นใหม่กับพวกเก๋าเกม เพื่อเป็นมือไม้สำคัญในการทำงาน รวมถึงการประสานงานกับผู้สื่อข่าวที่ประจำในแต่ละกระทรวงที่มีรัฐมนตรีของพรรคดูแลด้วย
ไม่เพียงเท่านั้น ระยะหลังเมื่อเสร็จสิ้นการประชุม ครม.ชุดใหญ่แล้ว เศรษฐาจะเรียกหารือกับรัฐมนตรีของเพื่อไทยเป็นการเฉพาะ ถือเป็นการตรวจการบ้าน มีการรายงานผลของการทำงานเพื่อที่จะช่วยกันแก้ไขในจุดที่มีข้อบกพร่อง รวมไปถึงมีข้อสั่งการในหลายเรื่องที่เห็นว่ารัฐมนตรีบางคนยังเชื่องช้า อืดอาด หากเป็นเมื่อก่อนพวกนักการเมืองเขี้ยวลากดินคงออกอาการหัวฟัดหัวเหวี่ยง ที่ถูกนักการเมืองเรียกมาอบรมเหมือนไม่ให้เกียรติ แต่ยุคที่ต้องทำงานแข่งกับเวลาไม่เฉพาะเศรษฐาเท่านั้น ผู้บริหารทุกคนในพรรคก็เห็นไปในทิศทางเดียวกัน
จึงได้เห็นการวางตัวบุคคลตั้งแต่ผู้จัดการรัฐบาลอย่าง ภูมิธรรม เวชยชัย จนไปถึง นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ที่เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรีหรือนายกฯ น้อย ทั้งเสี่ยอ้วนและหมอมิ้งถือเป็นสายตรง ซึ่งเศรษฐาก็รู้ดี แต่ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นการวางคนมาจับผิดหรือชี้นำตัวเอง เพราะได้มีการคุยกันก่อนที่จะตัดสินใจกระโดดเข้าสู่สนามการเมืองแล้วว่า หากได้ก้าวขึ้นเป็นนายกฯ จริงเรื่องการบริหารต้องให้ตนได้แสดงศักยภาพอย่างเต็มที่ โดยที่นายใหญ่จะคอยแนะนำเพียงบางเรื่องเท่านั้น
เหมือนที่ย้ำมาตลอด เพื่อให้ผู้นำประเทศได้ทำงานอย่างสบายใจ การส่ง แพทองธาร ชินวัตร มากุมบังเหียนเพื่อไทยก็เพื่อการันตีความมั่นคงทางการเมือง หากถามว่าหลังจากทำงานผ่านพ้นช่วงเวลา 60 วันไปแล้ว ผลงานของรัฐมนตรีของพรรคแกนนำรัฐบาลเป็นอย่างไรบ้าง เกิน 80 เปอร์เซ็นต์อยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ โดยเฉพาะการเชื่อมสายสัมพันธ์กับบรรดาข้าราชการ พวกที่คิดว่าจะแข็งข้อก็ยอมศิโรราบแทบทั้งหมด ประเภทยังทำใจไม่ได้ก็ยอมรับชะตากรรมปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามวิถีข้าราชการคือการแขวนขึ้นหิ้ง
สิ่งที่เศรษฐาฝากให้รัฐมนตรีของเพื่อไทย และทีมกุนซือของพรรคช่วยสแกนให้ละเอียดคือ ยังมีพวกที่คิดจะขวางลำ ทำให้การขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของพรรคเกิดการสะดุดหรือไม่ ดิจิทัลวอลเล็ตกับการออก พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาทจะเป็นบทพิสูจน์ ด่านแรกคือคณะกรรมการกฤษฎีกา ถ้าชี้สวนทางกับที่รัฐบาลต้องการก็เป็นอันจบเห่ ในแง่ของคนที่ประกาศว่าต้องลุยอย่างเศรษฐาอาจรู้สึกเสียหน้าแต่ไม่เสียหาย เพราะจะมีคำอธิบายกับสังคมว่าพยายามแล้วแต่ติดเงื่อนไขข้อกฎหมายไม่สามารถไปต่อได้
แม้ก่อนหน้ารัฐมนตรีและแกนนำเพื่อไทยหลายคนจะเสียงแข็งไม่มีแผนสำรองหากกรณีดิจิทัลวอลเล็ตไม่สามารถเดินต่อได้ แต่วงในมีข่าวมามีการเตรียมใช้วิธีอื่นในการที่จะช่วยแบ่งเบาภาระประชาชน เข้าทำนองไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล ยิ่งยืดเยื้อยิ่งมีเวลาคิดและได้แลกเปลี่ยนกับหลายภาคส่วน ทำให้พอจะเห็นช่องทางว่าสิ่งไหนทำได้โดยไร้เสียงคัดค้าน เหนือสิ่งอื่นใดพลังจากกลุ่มอีลิทจะเป็นตัวช่วยสำคัญทำให้เศรษฐาและคณะผ่านอุปสรรคไปได้ โดยเฉพาะพวกขาประจำที่จะพากันเงียบแบบไม่น่าเชื่อว่าเป็นไปได้