Riding a unicorn กับเกมสมัยใหม่ของทุนนิยม

พักนี้มีเวลาดูภาพยนตร์ซีรีส์ของเกาหลีใต้และญี่ปุ่นมากเป็นพิเศษ แต่เรื่องราวที่สะดุดใจยามนี้ได้แก่ ซีรีส์จากญี่ปุ่น ที่มีชื่อเรื่องว่า Riding A Unicorn


พักนี้มีเวลาดูภาพยนตร์ซีรีส์ของเกาหลีใต้และญี่ปุ่นมากเป็นพิเศษ แต่เรื่องราวที่สะดุดใจยามนี้ได้แก่ ซีรีส์จากญี่ปุ่น ที่มีชื่อเรื่องว่า Riding A Unicorn

จนต้องดูซ้ำแล้วไม่ต่ำกว่า 3 รอบ

เรื่องราวของซีรีส์อาจจะดูสมัยใหม่แบบบางเบา แต่แฝงด้วยความลึกซึ้งนี้คล้ายกับแนวทางของยักษ์ใหญ่ซอฟต์แบงก์และอาลีบาบาดอทคอมของแจ็คหม่า ที่ว่ากันว่าเป็นคนที่รวยสุดในจีนยุคนี้ ชนิดที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

เรื่องราวของหญิงสาวชื่อซานะ นานุคาวะ วัย 26 ปี ผู้มีความใฝ่ฝันจะสร้างแอปฯ ไอทีเรื่องการศึกษาแบบให้เปล่าสำหรับทุกคนที่เบื่อห้องเรียนปกติและกำลังเผชิญหน้ากับข้อเท็จจริงว่าความฝันของเธอมาถึงทางตันหลังจากทำงานมาได้ 3 ปีในฐานะซีอีโอของบริษัทดรีมโพนี่ เนื่องจากยอดผู้ชมลดถอยลงจนกระทั่งนักลงทุนที่สนับสนุนการเงินถอนตัวออกจากบริษัทและเจ้าของตึกซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ซึซากิ ซึ่งเป็นพ่อของซึซากิโค ผู้ร่วมก่อตั้งดรีมโพนี่คนหนึ่งก็ประกาศขึ้นค่าเช่าเป็นสองเท่าของค่าเช่าเดิม ทำให้ซานะต้องดิ้นรนหาผู้ร่วมลงทุนรายใหม่เพิ่ม 

และหนังก็ตัดกลับไปเมื่อ 3 ปีก่อนที่จะก่อตั้งดรีมโพนี่ โดยซานะซึ่งสมัยนั้นเป็นเด็กเพิ่งจบมัธยมปลาย ได้แอบเข้าไปเรียนหนังสือในห้องเรียนคณะวิศวกรรมของมหาวิทยาลัยเคเซซึ่งเป็นมหาลัยเฉพาะลูกเศรษฐีแทนจิโระที่เบื่อห้องเรียนแต่ถูกอาจารย์จับได้และในขณะที่โดนยามไล่จับได้พบกับโคซึซากิซึ่งช่วยให้เธอได้เข้าเรียนโดยอ้างว่าเป็นเพื่อนชมรมเดียวกัน

ซานะได้ตั้งคำถามกับโคและจิโระว่าพวกเขาเรียนหนังสือไปเพื่ออะไร ในขณะที่เธอมีความฝันที่จะสร้างธุรกิจทำแอปฯ งานการศึกษาแบบให้เปล่าเพื่อให้คนทั้งโลกเข้าถึงและสนุกสนานกับการเรียนซึ่งทำให้ทั้งสองคนสนใจโดยได้ร่วมมือกันทำและส่งตัวอย่างแอปฯ เข้าประกวดการแข่งขันการสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ในระดับมหาวิทยาลัยจนได้รับรางวัลชนะเลิศเป็นเงิน 1 ล้านเยนซึ่งกลายเป็นทุนในการก่อตั้งบริษัทขึ้นมา และมอบให้ซานะซึ่งมีความสามารถพิเศษในการสื่อสารเป็นประธานและซีอีโอของบริษัทสตาร์ทอัพในชื่อดรีมโพนี่โดยตั้งเป้าหมายให้ลูกม้ากลายเป็นยูนิคอร์น “สัญลักษณ์ของความหวังและอนาคต” โดยโคซึซากิรับตำแหน่งซีอีโอ (หัวหน้างานเทคโนโลยีผลิตแอปฯ) และมีจิโระเป็นวิศวกรร่วม

บริษัทดรีมโพนี่ได้รับความสนใจจากคนหนุ่มสาวที่มีแนวคิดเดียวกันอีก 3 คน รวมถึงอดีตผู้จัดการสาขาธนาคารใหญ่ที่ไม่มีความรู้ด้านไอทีเลยแต่ต้องการมาร่วมงานเพื่อเติมต่อความฝันของซานะ

และภาพก็ตัดกลับมาที่ปัจจุบันซึ่งทุกคนกำลังช่วยกันแก้ปัญหาทางการเงินของบริษัท  โดยโคซึซากิไปเจรจากับพ่อเพื่อไม่ให้ขึ้นค่าเช่าได้สำเร็จ  ส่วนโคโตริอดีตนายธนาคารได้คิดค้นการตลาดสองทางพร้อมกันคือด้านหนึ่งออกสาธิตแอปฯ แบบสด ๆ ให้เด็กและผู้ปกครองเข้ามาเพื่อเพิ่มยอดวิวสมาชิกและเสนอแผนสร้างความสนใจจากผู้ลงโฆษณาที่เรียกว่า Product Placement (การโฆษณาแฝง) เพื่อเพิ่มรายได้โดยไม่ต้องเก็บเงินจากผู้ใช้แอปฯ

ส่วนซานะก็เดินทางไปเจรจากับผู้ลงทุนซึ่งเก็นผู้จัดการกองทุนขนาดใหญ่ซึ่งรับปากว่าจะร่วมลงทุนในโครงการนี้ถึง 100 ล้านเยน  แต่ผู้จัดการกองทุนกลับเป็นคนหน้าหม้อหลอกมอมเหล้าซานะแต่ซานะก็เอาตัวรอดมาได้แต่ไม่ได้ทุน   แต่จากความพยายามของทีมงานทั้งหกทำให้ดรีมโพนี่ได้รับรางวัลชนะเลิศในการประกวดโมเดลธุรกิจสตาร์ทอัพ ระดับประเทศเป็นเงินรางวัล 10 ล้านเยน และประธานจัดการประกวดชื่นชมบุคลิกของซานะมากได้เสนอเงินลงทุนร่วม 300 ล้านเยนและเสนอเทคโอเวอร์ดรีมโพนี่ แต่ซานะและทีมงานปฏิเสธ ซานะทบทวนอีกครั้งพบข้อเท็จจริงว่าการถูกเทคโอเวอร์จะทำให้โปรดักส์ของดรีมโพนี่จะสามารถแพร่กระจายไปทั่วโลกรวดเร็วกว่าการพัฒนาด้วยตัวเองที่คาดว่าจะต้องใช้เวลาอีกถึง 20 ปี จึงเกิดการควบกิจการครั้งยิ่งใหญ่โดยมีซานะเป็นซีอีโอต่อไปโดยการสนับสนุนอย่างแข็งขันของโคซึซากิจากการเห็นตัวอย่างจากบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของพ่อตัวเองที่ถูกขโมยฐานข้อมูลลูกค้าจนสร้างความเสียหายมากมายจากการไม่ยอมรับวิธีป้องกันความลับของลูกค้าด้วยระบบไอทีสมัยใหม่

เรื่องราวในหนังก็ดำเนินต่อไป  แต่สำหรับผู้เขียนนั้นเห็นว่าเรื่องราวนั้นสอดรับกับข้อเท็จจริงของการเติบโตของอาลีบาบาซึ่งเป็น Web Ecommerce ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่แจ็คหม่าประสบปัญหาการเงินรุนแรงในช่วงการเติบโต ต้องลงทุนในระบบโลจิสติกส์ของตนเองจนสร้างความเสียหายให้บริษัทที่ไม่สามารถส่งของให้ลูกค้าได้ตามกำหนด จนต้องระดมทุนครั้งใหญ่ด้วยการขายหุ้นไอพีโอหลายครั้งจนกระทั่งแจ๊คหม่าต้องขายหุ้นของตัวเองและลดสัดส่วนการถือหุ้นของตัวเองลงมาจนเหลือต่ำกว่า 5%  ปล่อยให้หุ้นใหญ่อยู่ในมือของ Softbank บริษัทโทรศัพท์มือถือของญี่ปุ่น และ Amazon.com ของอเมริกาในราคาต่ำติดพื้น ก่อนจะฟื้นตัวกลับมาและกลับมาเป็นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของจีน ทั้ง Softbank และ Amazon ก็รวยแบบเงียบ ๆ ในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของอาลีบาบา

เกมการเปิดช่องให้ Softbank และ Amazon เข้ามาเทคโอเวอร์อาลีบาบานั้น ก็เหมือนกับการที่ดรีมโพนี่ยอมถูกเทคโอเวอร์จนขยายตัวเติบใหญ่ระดับโลก  อาจจะเป็นสิ่งที่คนนอกวงการเงินของบริษัทต่าง ๆ เข้าใจยากพอสมควร 

นี่คือเกมวัตถุนิยมสมัยใหม่ที่ว่าด้วยการสร้างโอกาสโดยยินยอมให้คนอื่นเข้ามาร่วมวงหาผลประโยชน์เพื่อที่ลูกม้าจะกลายเป็นยูนิคอร์น..

Back to top button