พาราสาวะถี

กระทรวงมหาดไทยเปิดลงทะเบียนสำหรับผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาหนี้นอกระบบ เพื่อขอรับความช่วยเหลือจากกลไกของรัฐ ผ่านระบบออนไลน์ และเปิดรับลงทะเบียนด้วยตนเองที่ศูนย์อำนวยการแก้ไขหนี้นอกระบบทั่วประเทศ


กระทรวงมหาดไทยเปิดลงทะเบียนสำหรับผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาหนี้นอกระบบ เพื่อขอรับความช่วยเหลือจากกลไกของรัฐ ผ่านระบบออนไลน์ และเปิดรับลงทะเบียนด้วยตนเองที่ศูนย์อำนวยการแก้ไขหนี้นอกระบบทั่วประเทศ ณ ศาลากลางจังหวัด ที่ว่าการอำเภอ และสำนักงานเขตของ กทม.ทั้ง 50 เขต รวมทั้งช่องทางสายด่วนศูนย์ดำรงธรรม 1567 วันแรกเมื่อวันที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา มีผู้ลงทะเบียน 22,090 ราย ผ่านระบบออนไลน์ 21,001 ราย และเดินทางไปลงทะเบียน ณ ศูนย์อำนวยการแก้ไขหนี้นอกระบบ 1,089 ราย รวมจำนวนเจ้าหนี้ 11,539 ราย มูลหนี้ 935.31 ล้านบาท

ตัวเลขแค่วันแรกและน่าจะเติมมาอีกต่อเนื่อง ซึ่งต้องดูว่าในวันที่ เศรษฐา ทวีสิน คิกออฟโครงการคือ 8 ธันวาคมนี้ ตัวเลขจะอยู่ที่เท่าไหร่ โดยในวันดังกล่าวนายกรัฐมนตรีจะมอบนโยบายและสั่งการตรงต่อนายอำเภอ และผู้กำกับการโรงพักทั่วประเทศ ในฐานะฝ่ายปฏิบัติที่จะต้องไปเรียกเจ้าหนี้และลูกหนี้มาไกล่เกลี่ย เจรจา ขณะที่ สุทธิพงษ์ จุลเจริญ ก็จรดปากกาเซ็นโยกย้ายนายอำเภอคราวเดียว 254 ตำแหน่ง ให้มีผลตั้งแต่ 8 ธันวาคมนี้เช่นเดียวกัน เท่ากับว่าเป็นการแต่งตั้งโยกย้ายเพื่อให้ไปทำหน้าที่แก้หนี้นอกระบบเป็นงานประเดิมกันเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรัฐมนตรีมหาดไทย ย้ำว่าโครงการนี้ ไม่ใช่การลดหนี้ พักหนี้ หรือยกหนี้ ถ้าเจ้าหนี้คิดดอกเบี้ยเป็นธรรมในอัตราที่ลูกหนี้หามาใช้ได้ ลูกหนี้ก็ต้องจ่ายให้เจ้าหนี้โดยไม่ต้องใช้วิธีทวงหนี้ที่ผิดกฎหมาย ไม่ต้องกดดัน กดขี่ข่มเหงรังแกใคร นั่นหมายความว่า การเรียกมาเจรจาโดยมีนายอำเภอและผู้กำกับเป็นตัวกลางนั้น จะเน้นการประนีประนอมในลักษณะวินวินทั้งคู่ เจ้าหนี้ได้เงินต้นคืน ดอกเบี้ยได้ตามสมควร ไม่มีการเบี้ยวหนี้ ลูกหนี้ไม่ถูกกดขี่ข่มเหง รังแก รังควาน

ไม่ใช่รูปแบบเรียกมาสั่ง หรือขู่จะจัดการเจ้าหนี้หากไม่ยอมผ่อนปรนเหมือนที่ปรากฏเป็นข่าวก่อนหน้านี้ โดยอนุทินยังฝากสื่อช่วยชี้แจงแก้ข่าวให้รัฐบาลด้วยว่า การลงทะเบียนแก้หนี้ครั้งนี้นั้น ไม่ใช่รัฐบาลจะไปช่วยจ่ายหนี้ให้บางส่วน แต่จะช่วยลดอัตราดอกเบี้ยที่ไม่เป็นธรรมให้ ขอประชาชนเข้าใจกันตามนี้ สรุปให้เข้าใจตรงกันก็คือ สิ่งที่รัฐบาลจะดำเนินการเป็นการไกล่เกลี่ย ไม่ได้มีเจตนาไปถึงขั้นดำเนินคดี หรือจะไปขุดคุ้ยอะไรกับเจ้าหนี้ทั้งหลาย

ทั้งนี้ ในส่วนของลูกหนี้อย่างที่ทราบข่าวกันดีอยู่แล้วว่า ไม่ใช่หน้าที่ของกระทรวงมหาดไทยหรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่จะเข้าไปดูแล โดยเฉพาะการให้เงินกู้ยืมเพื่อที่จะทำให้หนี้ไปอยู่ในระบบนั้น จะเป็นหน้าที่ธนาคารของรัฐ ซึ่งธนาคารออมสินก็ได้ประกาศก่อนหน้านี้แล้วว่า จะมีโครงการสินเชื่อสำหรับลูกหนี้นอกระบบให้กู้ยืมได้ไม่เกินรายละ 5 หมื่นบาท ส่วนเงื่อนไขต่าง ๆ เป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด และต้องมีการตรวจสอบคุณสมบัติของลูกหนี้แต่ละรายด้วย

ด้านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. สนองนโยบายดังกล่าวด้วยโครงการที่ชื่อว่า “หนี้นอกบอก ธ.ก.ส.” โดยเปิดให้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการผ่าน www.baac.or.th และ Line Official Account : BAAC Family โดยต้องกรอกข้อมูลส่วนบุคคลที่จำเป็น ภาระหนี้สิน และช่องทางติดต่อกลับในระบบ ทั้งนี้ โครงการดังกล่าววางเงื่อนไขในส่วนคุณสมบัติของผู้สมัครไว้ว่าต้องเป็นเกษตรกรหรือบุคคลในครัวเรือนเท่านั้น

สำหรับหนี้ของผู้ที่ลงทะเบียนเพื่อประสงค์ให้ ธ.ก.ส.ช่วยเหลือ จะต้องเป็นหนี้สินที่เจ้าหนี้ไม่ใช่สถาบันการเงิน และเป็นผู้ที่สามารถสร้างหรือมีรายได้เพียงพอต่อการชำระหนี้ กรณีผู้ขอกู้อายุมากกว่า 60 ปี ต้องมีทายาท หรือบุคคลในครัวเรือนอย่างน้อย 1 คน เป็นลูกหนี้ร่วม มีการเตรียมวงเงินสินเชื่อเบื้องต้นกว่า 1,000 ล้านบาท ขณะเดียวกัน ที่ผ่านมา ธ.ก.ส.ได้เดินหน้าแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบให้เกษตรกรลูกค้าและบุคคลในครัวเรือนให้กลับเข้ามาอยู่ในระบบของ ธ.ก.ส.ไปแล้วกว่า 712,413 ราย เป็นเงินกว่า 60,274.34 ล้านบาท

กรณีของ ธ.ก.ส.ที่สามารถดำเนินการได้ทันทีนั้น เนื่องจากมีฐานข้อมูลของลูกค้าที่เป็นเกษตรกรอยู่แล้ว ดังนั้น ลูกหนี้ที่มีปัญหาไปกู้เงินนอกระบบจึงสามารถที่จะขอรับความช่วยเหลือและเข้าถึงแหล่งเงินกู้ เพื่อไปอยู่ในระบบได้ง่ายกว่าประชาชนทั่วไป ปัญหาใหญ่ที่เศรษฐาและคณะต้องแก้ไขหลังการไกล่เกลี่ย ต้องเผื่อไว้สำหรับรายที่เจ้าหนี้-ลูกหนี้ตกลงกันไม่ได้ ลูกหนี้ไม่ประสงค์จะผ่อนกับเจ้าหนี้รายนั้น ต้องการที่จะเข้าสู่ระบบของสถาบันการเงิน ตรงนี้มีมาตรการรองรับ และช่วยในการเข้าถึงกันได้ง่ายมากน้อยขนาดไหน

ปัญหาหมูเถื่อนที่ไม่หมู ถือเป็นอีกเรื่องที่จะทดสอบศักยภาพความเด็ดขาดในการเป็นผู้นำของเศรษฐา เมื่อประกาศแล้วว่าจะต้องลากคอตัวการใหญ่มาลงโทษให้ได้ หากเป็นไปตามข่าวจากแนวทางการสืบสวนสอบสวนของดีเอสไอ บริษัทชิปปิ้งที่มีการเดินทางไปพบพนักงานสอบสวนแล้ว หลักฐานที่มีจะเอาผิดได้หรือไม่ ที่สังคมจับตามองคือการมีชื่อของรัฐมนตรีเข้าไปพัวพัน ทางการข่าวและข้อมูลที่อยู่ในมือดีเอสไอ รัฐมนตรีที่ว่าไม่ได้อยู่ในรัฐบาลปัจจุบัน 

เมื่อเป็นเรื่องใหญ่ทำท่าว่าจะเจอตอ ยิ่งต้องสะสางให้เกิดความชัดเจน คงไม่มีใครกล้าที่จะแบกของร้อนเพราะจะทำให้พังกันทั้งขบวน อาจต้องมีผู้รับบทเสียสละ ขณะที่อีกด้านพบว่ามีการเร่งเคลียร์ตัวเองเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจ ฝ่ายรับฟังก็ได้แต่บอกว่าให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ หากเชื่อมั่นว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง กระบวนการยุติธรรมจะให้ความเป็นธรรมเอง อยู่ที่ว่าระหว่างรอตามขั้นตอนนั้น จะทนแบกรับกระแสสังคมที่กดดันให้แสดงความรับผิดชอบได้หรือไม่เท่านั้น

การประชุม ครม.สัปดาห์นี้เป็นการประชุมนอกสถานที่ ครม.สัญจรครั้งแรกของรัฐบาลเศรษฐา เลือกจังหวัดหนองบัวลำภูเป็นประเดิม ด้วยเหตุผลเป็นจังหวัดเล็ก และรายได้ของประชาชนต่อหัวค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับจังหวัดอื่น เป้าหมายของเศรษฐาต่อการเดินทางไปประชุมครั้งนี้คือ ก่อนประชุมที่จะมีรัฐมนตรีลงไปในพื้นที่ต่าง ๆ หวังว่าช่วยเพิ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจและเร่งขับเคลื่อนแก้ปัญหาให้พื้นที่ได้อย่างรวดเร็ว ต้องไม่เป็นไฟไหม้ฟาง หากจะยกระดับคุณภาพชีวิตให้ประชาชนต้องยั่งยืน ให้สมกับช้างเหยียบนาพระยาเหยียบเมือง

Back to top button