พาราสาวะถี
เห็นอาการร้อนรนของคนในพรรคที่มีอดีตรัฐมนตรีถูกมองว่าเอี่ยวขบวนการค้าหมูเถื่อน มันก็ชวนให้ย้อนกลับไปมองประเด็นที่ เศรษฐา ทวีสิน และรัฐบาลถูกมองว่ามีการเด้งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เพราะไปยุ่งกับบริษัทใหญ่ในประเทศ
เห็นอาการร้อนรนของคนในพรรคที่มีอดีตรัฐมนตรีถูกมองว่าเอี่ยวขบวนการค้าหมูเถื่อน มันก็ชวนให้ย้อนกลับไปมองประเด็นที่ เศรษฐา ทวีสิน และรัฐบาลถูกมองว่ามีการเด้งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เพราะไปยุ่งกับบริษัทใหญ่ในประเทศ ทั้งที่ความจริงไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแม้แต่น้อย ต้องไม่ลืมว่า รัฐมนตรียุติธรรมที่ชงเรื่องย้ายคือ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง อดีตอธิบดีดีเอสไอ ย่อมรู้ต้นสายปลายเหตุ และความจำเป็นในการที่จะย้ายเป็นอย่างดี
ความจริงเรื่องการตั้งคนไม่เหมาะกับงานในดีเอสไอนั้นมันเกิดมาตั้งแต่ยุครัฐบาลเผด็จการ คสช.ต่อมาถึงรัฐบาลสืบทอดอำนจ เด่นชัดว่าเพื่อคุมเรื่องราวที่จะไปกระทบผู้มีอำนาจ ณ เวลานั้น แต่วันนี้บริบททางการเมืองเปลี่ยนไป และมีรัฐมนตรีที่รู้ระบบ รู้ความเป็นไปในดีเอสไอเป็นอย่างดี หากไม่มีอคติ ต้องการลากให้ไปเป็นประเด็นทางการเมือง ย่อมเข้าใจว่านี่เป็นการปรับเปลี่ยนเพื่อให้กระบวนการทำงานของดีเอสไอเข้มแข็ง และเป็นที่เชื่อถือของประชาชน
ประเด็นที่ว่าขบวนการค้าหมูเถื่อนมีชื่ออดีตรัฐมนตรีเข้าไปพัวพันนั้น จึงไม่ใช่เรื่องการเล่นงานจากพรรคเพื่อไทย หรือจากประชาชาติต้นสังกัดของรัฐมนตรียุติธรรม แต่เป็นการเอาคืนกันของคนที่เคยอยู่ในกระทรวงเดียวกันมาก่อน อย่าลืมว่าเจ้ากระทรวงปัจจุบัน ธรรมนัส พรหมเผ่า เคยเป็นอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มาก่อน และรัฐมนตรีที่มีชื่อเป็นข่าวก็ถูกมองว่าเป็นไม้เบื่อไม้เมากันในสมัยนั้น โดยเฉพาะเรื่องการกุมอำนาจในการแต่งตั้ง โยกย้ายภายในกระทรวงไว้เองทั้งหมด เหมือนที่ผู้กองมันคือแป้งทำอยู่ในปัจจุบัน
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ด้วยนโยบายที่เข้มข้นภายใต้การสั่งการของเศรษฐา ปมหมูเถื่อนจะต้องโปร่งใส อธิบายกับสังคมให้ไร้ข้อกังขา ประเภทว่าขาใหญ่ นายทุนยักษ์ หากรัฐบาลเพื่อไทยยอมสยบก็จะจบไม่สวย ดังนั้น ภายใต้ความพะวักพะวงกับการเดินหน้านโยบายดิจิทัลวอลเล็ต การจัดการเรื่องร้อนแบบทะลุทะลวง ก็จะเรียกความเชื่อมั่น ศรัทธาจากประชาชนได้ อย่างน้อยก็ไม่ได้มีการทำงานในลักษณะลูบหน้าปะจมูก บางทีคนที่ตกเป็นเป้าก็ต้องเรียนรู้และเข้าใจ อำนาจทางการเมืองและอำนาจเงิน ในยุคปัจจุบันใช้แบบไม่คิดอาจจะเสียผู้เสียคนกันได้
อย่างไรก็ตาม ปมหมูเถื่อนถูกโยงเข้าไปกับการเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ที่จะมีขึ้นในวันที่ 9 ธันวาคมนี้เหมือนเป็นคนละเรื่องเดียวกันไปเสียอย่างนั้น เนื่องจาก นราพัฒน์ แก้วทอง ผู้สมัครชิงเก้าอี้ในฐานะรักษาการรองหัวหน้าพรรคภาคเหนือ ที่ได้รับการสนับสนุนจาก เฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการหัวหน้าพรรคและกลุ่ม 21 สส.ของพรรคในนามกลุ่มเพื่อนต่อ หากมองจากหน้าเสื่อก็ถือว่ามีแต้มต่อคู่แข่งซึ่งแสดงตัวเวลานี้ 1 รายคือ “มาดามเดียร์” วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมืองกรุงเทพฯ
กรณีของกลุ่มหนุนนราพัฒน์จะตกเป็นเป้าโจมตีที่ว่าถ้าได้ตำแหน่งจะนำพาพรรคเก่าแก่ไปร่วมรัฐบาล จากข่าวมีคนในกลุ่มบางรายบินไปฮ่องกงก่อนที่จะมีการตั้งรัฐบาลเพื่อไทยก่อนหน้า นั่นจึงเป็นที่มาของการที่ว่าปมหมูเถื่อนถูกนำมาโยงกับการเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนมาดามเดียร์หากไม่มีตัวเลือกอื่นจากผู้อาวุโสของพรรคดันมาชิงชัย ก็จะได้รับการหนุนหลังจากบรรดาผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรค แต่ปัญหาของเจ้าตัวที่อาจจะถูกอีกฝ่ายหยิบยกมาสกัดคือ ข้อบังคับพรรคการเมืองข้อที่ 31 เกี่ยวกับคุณสมบัติของผู้ที่ได้รับเลือกตั้งเป็นกรรมการบริหารพรรค ซึ่งมาดามเดียร์มีคุณสมบัติไม่ครบตามเงื่อนไขดังกล่าว
กรณีนี้ต้องให้ที่ประชุมใหญ่มีมติเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของที่ประชุม หรือ 186 เสียง เพื่อยกเว้นการใช้ข้อบังคับให้มาดามเดียร์สามารถลงสมัครแข่งขันได้ ส่วนปัญหาองค์ประชุมล่มที่ทำให้การเลือกไม่สามารถเกิดขึ้นได้สองครั้งก่อนหน้า ได้มีการแก้ไขข้อบังคับเพิ่มองค์ประชุม โดยคัด 150 โหวตเตอร์สำรองมาจากตัวแทนภาค ภาคละ 30 คน เพื่อสำรองหรือสแตนด์บายกรณีองค์ประชุมไม่ครบ ป้องกันการประชุมล่มหนที่สาม ทำแฮตทริก แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ผลการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคเก่าแก่หนนี้ไม่ว่าใครได้ จังหวะก้าว และทิศทางของพรรคจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
ข่าวน่ายินดีช่วงที่อิสราเอลกับฮามาสหยุดยิงทำให้ตัวประกันชาวไทยได้รับการปล่อยตัวต่อเนื่อง ตรงนี้สะท้อนถึงงานด้านการต่างประเทศว่าด้วยสายสัมพันธ์ที่ดี ชวนให้นึกถึงภาพว่าหากยังเป็นรัฐบาลก่อนหน้าสถานการณ์ของตัวประกันเหล่านั้นจะเป็นอย่างไร เพราะการได้รับสัญญาณเชิงบวกมาจากฝ่ายคุมตัวคือฮามาสมาโดยตลอดนั้น ไม่ใช่แค่คนของรัฐบาลไปเจรจาขอความช่วยเหลือประเทศที่มีสายสัมพันธ์อันดีกับทางฮามาสในกลุ่มมุสลิมนิกายชีอะฮ์เท่านั้น คณะเจรจาที่ วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาส่งไปเจรจาก็ถือเป็นชุดเจรจาที่สำคัญ
เนื่องจากเป็นการเดินทางไปเจรจากับผู้แทนฮามาส ซึ่งมีสำนักงานอยู่ในอิหร่านโดยตรง ผลของการพูดคุยทางฮามาสเข้าใจสถานะของคนไทยที่ถูกจับอย่างถ่องแท้ว่าเป็นแค่แรงงานที่ไปหาเงินเพื่อส่งมาเลี้ยงดูครอบครัวที่เมืองไทย จนเป็นผลให้ทางฝ่ายฮามาสยอมที่จะปล่อยตัวประกันเหล่านั้นโดยไม่มีเงื่อนไข รอเพียงเวลาที่เหมาะสม ตามที่ปรากฏเป็นข่าวทันทีที่มีการหยุดยิง คนไทยก็เป็นตัวประกันชุดแรกร่วมกับชาวอิสราเอลที่เป็นเงื่อนไขของการแลกเปลี่ยนนักโทษที่ได้รับการปล่อยตัวในทันที
เป็นไปตามที่วันนอร์ให้สัมภาษณ์ไม่กี่วันก่อนที่จะมีการหยุดยิงว่า ตัวประกันชาวไทยจะได้รับการปล่อยตัวทั้งหมดภายในต้นเดือนธันวาคมนี้ เรียกว่าคณะทำงานซึ่งมี อารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ ที่ปรึกษาประธานสภาเป็นหัวหน้าคณะนั้นคือตัวจริงเสียงจริง เพราะมีสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับกลุ่มมุสลิมชีอะฮ์ ถึงระดับที่ไว้วางใจซึ่งกันละกัน โดยหลังจากนี้ทางประธานรัฐสภาจะมีจัดงานเลี้ยงขอบคุณเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านประจำประเทศไทยพร้อมคณะด้วย นี่คือตัวอย่างของการทูตที่เน้นสร้างมิตรไม่ใช่เพาะบ่มศัตรูเหมือนอดีตนักการทูตที่ก้าวขึ้นมาเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศบางราย