PRINC สู่แพทย์เฉพาะทาง.!
ภาพจำของบริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ PRINC เป็นโรงพยาบาลขนาดกลาง เน้นจับกลุ่มลูกค้าต่างจังหวัดที่เป็นหัวเมืองใหญ่
ภาพจำของบริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ PRINC เป็นโรงพยาบาลขนาดกลาง เน้นจับกลุ่มลูกค้าต่างจังหวัดที่เป็นหัวเมืองใหญ่ โดยจะใช้วิธีไปซื้อกิจการโรงพยาบาลต่าง ๆ ที่อยู่ในเมืองรองเข้ามาเติมในพอร์ตอยู่เรื่อย ๆ เพื่อสร้างการเติบโตระยะยาว หรือเรียกว่า “กลยุทธ์ป่าล้อมเมือง” นั่นเอง
โดยถ้าย้อนไปดูช่วง 4-5 ปีมานี้ จะเห็นว่า PRINC ไล่ปิดดีล M&A หรือเทกโอเวอร์โรงพยาบาลอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันมีโรงพยาบาลในเครือจำนวน 15 แห่ง เปิดดำเนินการแล้ว 14 แห่ง ใน 11 จังหวัด
แหม๊…น่าจะยกฉายาโรงพยาบาลนักเทกฯ (โอเวอร์) ให้กับ PRINC นะเนี่ย..!?
โอเค…หลังจากไล่เทกฯ โรงพยาบาลอื่นจนหนำใจแล้ว ดูเหมือนช่วงท้ายปี 2566 นี้ PRINC จะขยับไปเน้นกิจการที่เป็นการแพทย์เฉพาะทางมากขึ้น เห็นได้จากในช่วง 2 เดือนมานี้ แจ้งปิดดีล M&A กิจการแพทย์เฉพาะทางถึง 3 ดีลด้วยกัน…
เริ่มจากดีลแรก…ไฟเขียวให้บริษัทลูกที่ชื่อบริษัท พริ้นซิเพิล เน็กซ์ จำกัด (พริ้นซ์ เน็กซ์) เข้าลงทุนในบริษัท บ้านลลิสา เซอร์วิส กรุ๊ป จำกัด ซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพและการดูแลผู้สูงอายุ ด้วยการซื้อหุ้นสามัญและหุ้นเพิ่มทุน มูลค่ารวม 135 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้น 45%
ถัดมาเป็นดีลให้ “พริ้นซ์ เน็กซ์” ร่วมลงทุนในบริษัท เฮลท์ แอท โฮม จำกัด ทำธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพและการดูแลผู้สูงอายุ ด้วยการซื้อหุ้นสามัญและหุ้นเพิ่มทุน มูลค่ารวม 96 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้น 39.5%
ปิดท้ายด้วยดีลควบรวมระหว่างบริษัท ผิวดีคลินิก เอสเธติคส์ จำกัด (ผิวดี) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ PRINC กับบริษัท พงศ์ศักดิ์คลินิกเวชกรรม จำกัด (พงศ์ศักดิ์) เกิดเป็นบริษัทใหม่ที่ชื่อ บริษัท เอสคลาสคลินิก จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวกับความงาม ผิวพรรณ และการดูแลสุขภาพ
ถ้าให้วิเคราะห์โอกาสทางธุรกิจ…อันดับแรก ธุรกิจที่เกี่ยวกับสุขภาพและการดูแลผู้สูงอายุ ถือเป็นหนึ่งในเมกะเทรนด์ที่มีโอกาสเติบโต รับเทรนด์สังคมผู้สูงอายุของไทยและโลกที่มีประชากรผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่กระแสความนิยมการทำศัลยกรรม ทำให้ธุรกิจเสริมความงามเป็นเทรนด์ที่มาแรง และเป็นอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตสูงเช่นกัน
นั่นจะทำให้ PRINC ซึ่งรากเหง้าเป็นโรงพยาบาลภูธร ต่อไปก็จะปรับลุคมาสู่โรงพยาบาลเฉพาะทางมากขึ้น…ผลพวงที่ตามมา 1)จะมีมาร์จิ้นที่สูงขึ้น เนื่องจากสามารถคิดค่าบริการได้ค่อนข้างสูง ทำให้กลุ่ม PRINC มีอัตรากำไรสุทธิที่ดีขึ้น
2)เป็นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง อย่างผู้สูงอายุส่วนใหญ่จะมีเงินเก็บและไม่ต้องดูแลใคร ทำให้มีเงินจับจ่ายใช้สอยในสิ่งที่ต้องการได้มากขึ้น ส่วนคนที่ต้องการศัลยกรรมเสริมความงาม ก็พร้อมที่จะทุ่มเม็ดเงินก้อนโตเพื่อดูแลรูปร่างหน้าตาให้ดูดีตลอดเวลา
3)เป็นการผูกปิ่นโตกินยาว เนื่องจากการดูแลผู้สูงอายุ ไม่ใช่แค่ 1 วัน 3 วัน หรือ 5 วันแล้วจบ แต่เป็นการดูแลต่อเนื่องและระยะยาว ส่วนการศัลยกรรมความงาม ดูแลผิวพรรณ ก็ต้องอาศัยความต่อเนื่องในการใช้บริการเช่นกัน…ในส่วนนี้ก็จะกลายเป็น Recurring Income หรือรายได้ประจำให้กับกลุ่ม PRINC ไป
ส่วนหลังจากนี้ PRINC จะไปปิดดีลซื้อกิจการแพทย์เฉพาะทางไหนเพิ่มเติมอีกบ้างนั้น…เป็นช็อตที่ต้องติดตามกันต่อไป
แต่ตอนนี้สิ่งที่นักลงทุนอยากรู้มากสุด เห็นจะเป็นเมื่อไหร่ PRINC จะเติบโตกระโดดโลดเต้นให้สมกับการรอคอยสักที..?
เพราะถ้าดูจากผลงานงวด 9 เดือนแรก ขาดทุนสูงถึง 482.95 ล้านบาท จากรายได้รวม 4,174.65 ล้านบาท…ปีนี้ก็คงไม่แคล้วปิดสถานะด้วยตัวเลขขาดทุนแหง ๆ
เห็นอย่างนี้ก็ว้าวุ่นน่ะสิ..!?
…อิ อิ อิ…