เดลต้าป่วนดัชนี
หากมองสถานการณ์ตลาดหุ้นไทยแบบไม่อคติ และไม่โลกสวยมากจนเกินไปจะเห็นว่า ปัจจัยพื้นฐานของหุ้นไทย ณ เวลานี้ค่อนข้างแข็งแกร่ง
หากมองสถานการณ์ตลาดหุ้นไทยแบบไม่อคติ และไม่โลกสวยมากจนเกินไป จะเห็นว่าปัจจัยพื้นฐานของหุ้นไทย ณ เวลานี้ค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่เมื่อดูจากข้อมูลที่ทยอยเปิดออกมาเรื่อย ๆ จะเห็นว่า ณ เวลานี้ไม่ใช่จุดที่เหมาะต่อการลงทุนอย่างแน่นอน เพราะสภาพเศรษฐกิจนับวันจะทรุดโทรมลงเรื่อย ๆ แถมผู้ประกอบการมากมายก็ร้องโอดโอยกันเป็นแถวแบบนี้..หุ้นมันจะขึ้นได้อย่างไรละจ๊ะ
งานนี้ใครจะหาว่า “โมนิก้า” เป็นพวกมองโลกในแง่ร้ายก็ช่างปะไร หรือจะหาว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลก็ช่างหัวปะไร เพราะสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า มันไม่มีอะไรบอกให้รู้ว่าสภาพเศรษฐกิจดีขึ้น! เดี๊ยนถึงเข้าใจเหตุผลที่ดัชนีย่อตัวลงมาเรื่อย ๆ แต่บางครั้งก็มีแรงฮึดแบบประหลาด ๆ โผล่มาให้เห็นเป็นระลอก ซึ่งเหมือนกับเหตุการณ์เมื่อวันศุกร์ที่ดัชนีพุ่งขึ้นไปถึง 1,389.40 จุด แต่สุดท้ายก็อ่อนตัวลงมาปิดที่ระดับ 1,380.99 จุด บวกไปแค่ 2.26 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.47 หมื่นล้านบาทเจ้าค่ะ
ที่น่าสนใจคือ หากเจาะลึกลงไปถึงรายละเอียดต่าง ๆ จะเห็นว่า เที่ยวนี้เป็นผลมาจากอิทธิฤทธิ์ของหุ้นมหาเทพอย่าง DELTA ซึ่งช่วยดันดัชนีขึ้นไปถึง 5 จุดในช่วงที่ดัชนีทะยานต่อเนื่อง ขณะที่หุ้นบลูชิพตัวอื่น ๆ กลับมีอาการง่อยเปลี้ยเพลียแรงกันเป็นแถบแบบนี้ “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องที่ต้องระวังมากขึ้นกว่าเดิม เพราะตลาดหุ้นไทยมักมีลักษณะขึ้นแรงต้นสัปดาห์ พอถึงกลางสัปดาห์ก็ร่วงแรงนะตัวเอง
ฉะนั้นการที่หุ้น DELTA ขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 81 บาท บวกไป 5 บาท หรือขึ้นไป 6.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.33 พันล้านบาท ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด? เพราะคนที่เข้ามาเล่นหุ้นตัวนี้เป็นพวกสถาบันที่ “ผลัดกันรุก ผลัดกันรับ” โดยใช้สตอรี่กำไรโตเป็นตัวบิลต์อารมณ์ ผนวกกับโดนบังคับจากกฎของกองทุน ว่าต้องลงทุนเฉพาะหุ้นมาร์เก็ตแคปใหญ่เป็นหลัก เลยกลายเป็นหุ้นขวัญใจขาลุยแบบเต็มตัวพะย่ะค่ะ
เมาท์ถึงเรื่องลุยกันทั้งที “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น JMART เพื่อชี้ให้เห็นว่าการฟื้นตัวของราคาหุ้น กลายเป็นช็อตที่น่าตามไปดูเหลือเกิน เพราะตั้งแต่หุ้นลงมาหนัก และดีดตัวกลับขึ้นมาใหม่ พร้อมกับพักฐานยาวเป็นสัปดาห์ ก็มีจังหวะนี้ที่ราคาหุ้นขยับตัวอย่างชัดเจน เดี๊ยนถึงมองการยืนปิดที่ระดับ 19 บาท บวกไป 1.20 บาท หรือขึ้นไป 6.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 658 ล้านบาท ไม่ธรรมดาแน่นอนจ้า!
ในเมื่อตัวแม่เริ่มขยับ ลูกดีเด่นประจำปีอย่าง JMT ก็ดีดตัวขึ้นตามในทันที ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 28.25 บาท บวกไป 1.25 บาท หรือขึ้นไป 4.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 425 ล้านบาท “โมนิก้า” มองว่าถึงเวลาของหุ้นตัวนี้แล้วจริง ๆ เพราะมองจากราคาหุ้นที่ลงมาลึก ผสานกับการรักษามาตรฐานในการทำกำไรยังดีเหมือนเดิม จึงกลายเป็นจังหวะของการ follow buy เพื่อหาค่าขนมก่อนถึงวันคริสต์มาสนะจ๊ะ..นะจ๊ะ
ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” อยากเอ่ยถึงหุ้น BYD ขึ้นมาทันที เพราะเป็นหุ้นที่อยู่ในกลุ่มรอวันคัมแบ็ก ผนวกกับในช่วงหลังมีสตอรี่ใหม่ออกมาให้เห็นเป็นระลอก เดี๊ยนถึงสงสัยว่าการขึ้นมาปิดที่ระดับ 4.90 บาท บวกไป 0.08 บาท หรือขึ้นไป 1.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 88 ล้านบาท น่าจะเป็นสัญญาณของการเล่นเก็งกำไรรอบใหม่ และถือเป็นทางเลือกสำหรับคนที่ชอบเล่นหุ้นต่ำสิบพะย่ะค่ะ
คล้ายกับสถานการณ์ของหุ้น CHG ซึ่งวิ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 2.98 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 3.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 115 ล้านบาท ก็มีประเด็นเกี่ยวกับไข้หวัดใหญ่ระบาดหนักเป็นตัวชูโรง ผสานกับหุ้นเข้าสู่ช่วงตั้งลำขึ้นพอดี จึงกลายเป็นสองแรงบวกที่ทำให้หุ้นตัวนี้น่าสนใจขึ้นมาทันที..งานนี้เลยขึ้นอยู่กับว่า นักเล่นอินกับข้อมูลดังกล่าวมากขนาดไหน? แถมเที่ยวก่อนหุ้นแป้กที่บริเวณ 3.04 บาท เดี๊ยนเลยไม่แน่ใจว่าเที่ยวนี้จะออกมาในรูปไหนเจ้าค่ะ
เช่นเดียวกับในรายของพ่อดอกมะลิ JAS เริ่มออกอาการอืดเป็นเรือเกลือ หลังจากตลาดหุ้นรับรู้เรื่องปันผลอย่างเป็นทางการ ก็ดูเหมือนทุกอย่างจะเริ่มหยุดนิ่งอยู่กับที่ “โมนิก้า” ถึงประเมินเกมหุ้นต่อจากนี้ไม่ออกจริง ๆ เพราะเท่าที่รับรู้ยังมีลุ้นปันผลพิเศษอีกครั้ง ต่อจากนั้นก็คงไม่มีอะไรพิเศษอีกต่อไป เดี๊ยนจึงไม่ขอแสดงความคิดเห็นที่หุ้นยืนปิด 2.26 บาท ลบไป 0.04 บาท หรือลงไป 1.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 320 ล้านบาท เพราะมันไม่มีอะไรพูดจริง ๆ ค่ะ