ท่าจะแย่กว่าเดิม
วานนี้ “โมนิก้า” เห็นดัชนีกวัดแกว่งไปมาในแดนลบตั้งแต่เช้าก็จริง แต่ในใจก็ยังแอบลุ้นนิด ๆ ว่าดัชนีจะกลับมายืนปิดบวกได้นิด ๆ พอเปิดเทรดภาคบ่ายก็เกิดอาการหวั่นไหว เมื่อเห็นดัชนีทิ้งตัวลงแรงอย่างรวดเร็ว
วานนี้ “โมนิก้า” เห็นดัชนีกวัดแกว่งไปมาในแดนลบตั้งแต่เช้าก็จริง แต่ในใจก็ยังแอบลุ้นนิด ๆ ว่าดัชนีจะกลับมายืนปิดบวกได้นิด ๆ พอเปิดเทรดภาคบ่ายก็เกิดอาการหวั่นไหว เมื่อเห็นดัชนีทิ้งตัวลงแรงอย่างรวดเร็ว จนผลลัพธ์สุดท้ายที่มีออกมาให้เห็นอย่างเป็นทางการก็คือ ดัชนีลบไป 7.07 จุด พร้อมกับยืนปิดที่ 1,373.92 จุด ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขาย 3.53 หมื่นล้านบาท คือภาพการลงทุนที่แย่กว่าเดิม และต้องติดตามดูกันต่อไปเรื่อย ๆ นะจ๊ะ
ในทางเดียวกัน..หากประเมินจากสัญญาณทางเทคนิคจะพบว่า เส้น 10 วัน กับ 25 วัน ยังเป็นลักษณะ downtrend และหลายครั้งที่ดัชนีดีดตัวขึ้นแรง ๆ มักจะมีแรงเทขายถล่มตามหลังมาติด ๆ หลังจากนั้นจะเริ่มมีแรงซื้อล็อตใหม่เข้ามาไล่หุ้นอีกรอบ แต่สุดท้ายกลายเป็นว่า การขึ้นในแต่ละรอบมีจุดสูงสุดต่ำกว่ารอบก่อนทุกที ซึ่งเห็นได้จากยอดก่อนหน้านี้อยู่ที่บริเวณ 1,423 จุด ต่อมาทำได้แค่ระดับ 1,400 จุดนะจะบอกให้
หลังจากนั้นพยายามประคองตัวเหนือแนวรับ 1,400 จุด และพยายามปักหลักสร้างฐานให้ได้ในเวลาเดียวกัน แต่สุดท้ายก็กลายเป็นไม้หลักปักขี้ควายนั้น “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องที่ต้องสำเหนียกมากขึ้นกว่าเดิม และรู้สึกกังวลเมื่อเห็นแรงเทขายถล่มออกมาเป็นระลอก..ที่น่าสนใจคือ หากวันนี้มีแรงเทขายออกมาแบบจัดเต็มอีกรอบ ก็จะทำให้โมเมนตัมตลาดหุ้นเสียศูนย์ครั้งใหญ่นะจ๊ะ
ถ้าไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี “โมนิก้า” ขอแนะนำให้อยู่เฉย ๆ ไปก่อนชั่วคราว เพราะสิ่งที่นักเล่นกำลังเผชิญไม่ได้มีแค่เรื่องเศรษฐกิจถดถอย แต่ยังมีรัฐบาลที่ไร้เดียงสาเข้ามาบริหารงานประเทศ เลยทำให้เรื่องง่ายกลายเป็นเรื่องยากไปเสียฉิบ! (วันหยุดปีใหม่ หมูเถื่อน ค่าแรงขั้นต่ำ และยังมีกฎหมายทำผิดไม่ต้องนอนคุกเข้ามาอีก) ซึ่งมันชี้ให้เห็นว่า พวกเขาไม่มีฝีมือเหมือนที่โม้ไว้น่ะซี
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือ PTTEP ซึ่งมีข่าวดีเบอร์ใหญ่เข้ามาซัพพอร์ตแบบจัดเต็ม แต่ราคาหุ้นก็ขยับขึ้นไปไหนได้ไม่ไกล (เทียบกับราคาปิดเมื่อ 2 วันก่อนที่ระดับ 140.50 บาท) เพราะอารมณ์ของผู้เล่นไม่ได้อินเหมือนเมื่อก่อน วานนี้จึงเห็นหุ้นขยับขึ้นได้อีกนิดหน่อย ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 144.50บาท บวกไป 2.50 บาท หรือขึ้นไป 1.75% ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขาย 1.77 พันล้านบาทแบบนี้..เขาเรียกว่า “ลุ้นเหนื่อย” เพราะภาพใหญ่ยังเป็นขาลงเจ้าค่ะ
เช่นเดียวกับในรายของ KBANK หากดูตามรูปแบบการเคลื่อนตัวก่อนหน้านี้จะพบว่า ตั้งแต่ต้นเดือน ก.ค. ถึงเดือน ธ.ค. เคลื่อนตัวเป็นแบบตัว W พร้อมกับทำจุดสูงสุดอยู่ที่ระดับ 134.50 บาท และมีจุดต่ำสุดอยู่ที่ระดับ 121.50 บาท โดยที่ภาพใหญ่ของหุ้นยังโน้มเอียงไปทางซึมลงแบบนี้ “โมนิก้า” ถึงมองว่า การยืนปิดที่ระดับ 128 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 0.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.49 พันล้านบาท มันไม่มีนัยสำคัญอะไรหรอกจ้า!
ตรงกันข้ามกับในรายของ SUSCO มีแรงซื้ออัดแน่นเข้ามาตลอดทั้งวันแบบนี้ “โมนิก้า” วิเคราะห์ในมุมของนักเก็งกำไรก็ต้องบอกว่า “น่าเล่นตามน้ำ” แถมรอบที่แล้วก็เคยขึ้นไปเกือบถึง 5 บาท จึงเป็นจังหวะที่ไม่ต้องคิดอะไรมากอีกต่อไป ผนวกกับวันนี้เขาเดินหน้าเปิดโชว์รูมรถอีวีแบบเต็มตัว จึงเชื่อว่าผลงานต่อจากนี้จะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ และการที่หุ้นยืนปิดที่ระดับ 4.62 บาท บวกไป 0.32 บาท หรือขึ้นไป 7.45%.ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 210 ล้านบาท เดี๊ยนถือเป็นสถานการณ์ที่หุ้นตัวนี้ดูดีกว่ารายอื่น ๆ เจ้าค่ะ
ขนาดหุ้นที่ขยันออกสตอรี่ใหม่ ๆ ตลอดเวลาอย่าง AWC ยังถูกถล่มขายไม่ให้ผุดให้เกิดแบบนี้ “โมนิก้า” ถือเป็นเกมยากสำหรับทุกคนอย่างแน่นอน เพราะเมื่อดูจากสภาพเศรษฐกิจปีหน้าที่ทำท่าจะทรุดโทรมลงอีก ย่อมเป็นแรงกดดันที่ส่งผลโดยตรงกับผลการดำเนินงานของบริษัท เดี๊ยนเลยเข้าใจเหตุผลที่ราคาหุ้นลงมายืนปิด 3.54 บาท ลบไป 0.18 บาท หรือลงไป 4.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 327 ล้านบาท ไงล่ะคะ