วอนหุ้นไทย
การที่หุ้นไทยตก 2 วันติด มันทำให้เชื่อว่า หุ้นไทยจะตกอีกเป็นวันที่ 3 เพราะเมื่อดูจากบรรยากาศการลงทุนที่เต็มไปด้วยความห่อเหี่ยว
การที่หุ้นไทยตก 2 วันติด มันทำให้เชื่อว่า หุ้นไทยจะตกอีกเป็นวันที่ 3 เพราะเมื่อดูจากบรรยากาศการลงทุนที่เต็มไปด้วยความห่อเหี่ยว แถมบรรดาผู้เล่นไม่มีกำลังใจ (เหมือนนักเตะแมนยู) ส่งผลให้สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยมีแต่ทรุดลงเรื่อย ๆ “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่ดัชนีจะหลุดลงไปต่ำกว่าระดับ 1,300 จุด เพราะมันไม่มีเรื่องไหนที่ทำให้นักเล่นกลับเข้ามาซื้อหุ้นอย่างจริง ๆ จัง ๆ น่ะซี
ฉะนั้นการที่ดัชนีรูดหลุดโลว์เดิมที่เคยลงมาแตะบริเวณ 1,366.19 จุด ก่อนจะปิดไปที่ระดับ1,357.97 จุด ลบไป 15.95 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.79 หมื่นล้านบาท มันเป็นภาพที่ชี้ให้เห็นว่า ตลาดหุ้นไทยยังลงไปต่อ และมีแนวโน้มที่จะไหลลงอีก “โมนิก้า” จึงพยายามเตือนแฟนคลับให้เตรียมตัวรับแรงกระแทกตลอดเวลา เพราะตามทฤษฎีภูเขาสามลูกต่ำลงที่ร่ำเรียนมา มันชี้ว่า “สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร” นะจ๊ะ
ยิ่งเป็นการไหลลงแรงท่ามกลางวอลุ่มที่เบาบาง ยิ่งเป็นเรื่องที่ทำให้เดี๊ยนกังวลเป็นทวีคูณ เพราะแสดงให้เห็นรูปแบบการเล่น “ขายบน ซื้อล่าง” ที่วนเวียนไปมาไม่รู้จบ ซึ่งเป็นตัวกัดกร่อนตลาดหุ้นไทยให้ซึมไปอีกนาน และเรื่องนี้ดูได้จากบรรดาหุ้นบลูชิพที่พากันปีกหักเป็นว่าเล่น “โมนิก้า” ถึงไม่อยากโปรยยาหอมพร่ำเพรื่อเหมือนที่ “เสี่ยนิด” กับ “อุ๊งอิ๊ง” เอาแต่เดินสาย “ตัดริบบิ้น” กับเม้าท์เรื่อง “ซอฟต์พาวเวอร์” เจ้าค่ะ
ประกอบกับความคลุมเครือในเรื่อง “เน็กเก็ตชอร์ต” กับ “โรบอท” ยังตามหลอนไม่เลิก เพราะกระบวนการตรวจสอบยังไม่คืบหน้า จึงมีปฏิบัติการล่าแม่มดเกิดขึ้นในโลกโซเชียล และคนที่ตกเป็นเป้าสายตาของสังคมในเที่ยวนี้ก็คือ “บล.เกียรตินาคินภัทร” ซึ่งเป็นโบรกเกอร์เพียงรายเดียวที่กวาดมาร์เก็ตแชร์ในช่วง 7 วันทำการของเดือน ธ.ค. ไปมากถึง 27% ไงล่ะตัวเอง
ส่วนโบรกเกอร์อันดับ 2-5 กลับมีมาร์เก็ตแชร์อยู่ในระดับ 5-6% เท่านั้น จึงทำให้ผู้คนอยากรู้ว่า มูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่นสุด ๆ ของคุณพี่มาจากวิธีใด? และหากปล่อยให้เรื่องนินทาดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ ก็จะส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์โบรกเกอร์ “ภัทร” อย่างใหญ่หลวง “โมนิก้า” จึงอยากให้โบรกเกอร์ดังกล่าวออกมาชี้แจงกับสังคมโดยด่วน เพื่อทุกอย่างจะได้กระจ่างเสียที..ไม่เช่นนั้นขาเผือกจะนินทาไม่เลิก..เดี๊ยนพูดเช่นนี้ก็เพราะหวังดีนะคะ
เหมือนกับในรายของ CPALL ก็มีประเด็นหมูเถื่อนตามหลอกหลอนไม่เลิกนั้น “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องของ “กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนอง” จึงไม่สามารถเลี่ยงผลกระทบที่เกิดขึ้นทั้งในทางตรง และทางอ้อม รวมถึงการร่วงลงต่อเนื่องของราคาหุ้นในกระดานก็เป็นเรื่องที่ต้องก้มหน้ารับกรรมต่อไปเช่นกัน จึงไม่ต้องถามว่า การยืนปิดที่ระดับ 51 บาท ลบไป 1.75 บาท หรือลงไป 3.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.36 พันล้านบาทน่าเก็บไหม?..อิอิอิ
เช่นเดียวกับในรายของ XPG ที่ถูกรินขายไม่เลิกเสียทีนั้น “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องปกติของหุ้นที่มาด้วยสตอรี่กลวง ๆ ผสานกับราคาหุ้นในกระดานก็เทรดบนพีอีสูงลิ่ว จึงกลายเป็นหุ้นที่โดนขายไม่เลิกอันดับต้น ๆ ของตลาดหุ้นไทย วานนี้จึงเห็นหุ้นลงมากองอยู่ที่ระดับ 0.97 บาท ลบไป 0.05 บาท หรือลงไป 4.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 105 ล้านบาทแบบไร้แรงขัดขืน เลยเชื่อขนมกินได้ทันทีว่า วันนี้น่าจะโดนอัดอีกดอกพะย่ะค่ะ
อีกรายที่ดูทรวดทรงแล้ว ท่าจะแย่หนักเหมือนกัน “โมนิก้า” ขอมองไปที่น้องแบม BAM เป็นรายถัดมา หลังแรงขายมีออกมาอย่างต่อเนื่อง จนราคาหุ้นลงมาปิดที่ระดับ 7.85 บาท ลบไป 0.25 บาท หรือลงไป 3.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 77 ล้านบาท ผสานกับช่วงกลางเดือน พ.ย. ลงมาทำ all time low ที่ระดับ 7.80 บาท มันคือสัญญาณที่บอกให้นักเล่นรู้ว่า “ตายหยังเขียด” แน่นอน โดยเฉพาะภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ อย่าหวังจะขายสินทรัพย์ก้อนใหญ่ได้นะตัวเอง
ขนาดหุ้นเทคชั้นนำของไทยอย่าง BE8 ยังถูกขายแบบไม่มีเยื่อใย ทั้งที่ผลงานในช่วงที่ผ่านมาก็โตดีเหลือเกินแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจมาก ๆ แต่เดี๊ยนก็ไม่กล้าแนะนำให้เล่นอยู่ดี เพราะการลงมาปิดที่ระดับ 28.50 บาท ลบไป 1.50 บาท หรือลงไป 5% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 40 ล้านบาทในภาวะตลาดหุ้นขาลง มันไม่คุ้มกับความเสี่ยง งานนี้ต่อให้ชื่นชอบเป็นพิเศษขนาดไหน? ก็ต้องหักห้ามใจให้ได้ และไปรอเล่นในวันที่ตลาดหุ้นไทยเลิกลงดีกว่าจ้า!