เขย่าให้กลัว?
เดิมที “โมนิก้า” คิดว่า ตลาดหุ้นไทยจะโชว์ความแข็งแกร่งให้เห็นเป็นขวัญตาส่งท้ายปลายปี 66 แต่สุดท้ายก็ต้องพบกับความผิดหวังเหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา
เดิมที “โมนิก้า” คิดว่า ตลาดหุ้นไทยจะโชว์ความแข็งแกร่งให้เห็นเป็นขวัญตาส่งท้ายปลายปี 66 แต่สุดท้ายก็ต้องพบกับความผิดหวังเหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะแรงกดดันจากภายนอกมากเหลือเกิน ขณะที่แรงกดดันภายในก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เดี๊ยนถึงมองสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเที่ยวนี้ “ไม่ง่ายเหมือนปอกกล้วย” และจำเป็นต้องปรับจูนความคิดใหม่ไงล่ะคะ
เนื่องจากหุ้นที่คิดว่า น่าจะไปต่อสวย ๆ แต่เอาเข้าจริงกลับโดนรินขายแบบงง ๆ จนเดี๊ยนไม่เข้าใจว่า การขายเที่ยวนี้มาจากเรื่องอะไรกันแน่ จึงอยากให้แฟนคลับประเมินการยืนแกว่งตัวไปมาของดัชนี ก่อนจะยืนปิดที่ระดับ 1,405.09 จุด บวกไปแค่ 0.25 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.36 หมื่นล้านบาท มันสมเหตุสมผลขนาดไหน? เพราะก่อนหน้านี้โมเมนตัมก็ค่อนข้างดี แต่ไป ๆ มา ๆ กลับทำให้เสียเซลฟ์ทุกทีแบบนี้..เดี๊ยนเหนื่อยนะคะ
โดยเฉพาะในรายของแบงก์ตราดอกบัว BBL เหมือนทำท่าจะขยับขึ้นไปได้ด้วยดี แต่กลับถูกสกัดดาวรุ่งตั้งแต่หัววัน ราคาหุ้นเลยยืนปิดที่ระดับ 150.50 บาท ลบไป 2 บาท หรือลงไป 1.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 967 ล้านบาท ส่งผลให้ตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้นไม่ขยับไปไหนได้สักทีแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่กดดันคนเล่นมากพอสมควร จึงไม่ควรคาดหวังอะไรมากไปกว่านี้นะจ๊ะ
เช่นเดียวกับในรายของ TU ก็พยายามไต่เพดานสูงขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็มีแรงขายออกมาเป็นระลอก โดยที่ภาพใหญ่ของหุ้นยังพยายามยกฐานสูงขึ้นแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเกมที่น่ารักน่าลุ้นพอสมควร เพราะมันทำให้เชื่อว่า ราคาหุ้นน่าจะขยับขึ้นไปได้อีก และถ้าดูจากแผนธุรกิจที่ยังมุ่งโตต่อ ทำให้การยืนปิดที่ระดับ 14.40 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 0.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 454 ล้านบาท เหมาะต่อการทยอยสะสมจ้า
ส่วนรายที่ทำให้ “โมนิก้า” ประหลาดใจมากสุดก็คือ PRM เพราะเมื่อดูจากผลงานที่ยังทำได้คงเส้นคงวา ถึงจะลดก็ลดไม่มาก แต่ราคาหุ้นก็ยังไปไหนไม่ได้สักที! เดี๊ยนถึงมองว่า การยืนปิดที่ระดับ 5.45 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 5.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 161 ล้านบาท น่าเล่นสุด ๆ เพราะเมื่อดูจากการเทรดบน PE 6 เท่า มันเป็นจังหวะที่น่าซื้อเหลือเกิน ไม่เชื่อลองถามพวกแวลู อินเวสเตอร์ดูซิจ๊ะ
เม้าท์ถึงประเด็นลงทุนระยะยาวขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ต้องมองไปที่หุ้น KAMART ก่อนใครเพื่อน เพราะเป็นหุ้นที่รวมเหล่าวีไอไว้เยอะมาก เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับมองการขึ้นมาปิดที่ระดับ 13.20 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 3.95% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 179 ล้านบาท ท่ามกลาง PE 25 เท่าเป็นระดับที่น่าสนใจมากขนาดไหน? เพราะในมุมของเดี๊ยนมองว่า เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับความเชื่อเป็นหลักว่า หุ้นตัวนี้โตได้อีกก็เท่านั้นเองค่ะ
สำหรับคนที่ชอบหุ้นร้อนเป็นทุนเดิม “โมนิก้า” ขอมองไปที่หุ้น PRIME เพื่อชี้ให้เห็นกลุ่มลูกหลานการเมืองที่เข้ามาตะลุมบอน มันเป็นเรื่องที่ต้องฟังหูไว้หู เดี๊ยนถึงรู้สึกเฉย ๆ เมื่อเห็นหุ้นกลุ่มนี้ “ขึ้นแรง ลงแรง” เพราะมันเป็นเกมหุ้นที่เขาคุมไว้เบ็ดเสร็จ จึงอยากให้ประเมินกันเองว่า การยืนปิดที่ระดับ 0.64 บาท บวกไป 0.03 บาท หรือขึ้นไป 4.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 70 ล้านบาท น่าสนใจจริงไหม?..อิอิอิ
เหมือนกับในรายของ SANKO ที่ผลงานครึ่ง ๆ กลาง ๆ แต่เผอิญปีนี้ทำผลงานได้ดี ราคาหุ้นเลยกระชากขึ้นมาใหม่ แต่ก็มีคำถามตามมาว่า จะวิ่งได้นานแค่ไหน? เพราะการยืนปิดที่ระดับ 1.48 บาท บวกไป 0.20 บาท หรือขึ้นไป 15.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 108 ล้านบาท มันเป็นการกระชากขึ้นแรงในรอบ 2 ปี แบบไร้เหตุผล และทุกครั้งที่หุ้นมาทรงดีทีไร ต่อจากนั้นก็เละไม่เป็นท่าทุกทีน่ะซี
คล้ายกับสถานการณ์ของ PIMO ก็ร้อนแรงแบบไม่ให้รู้ตัว ทั้งที่ภาพใหญ่ของหุ้นยังอยู่ในทิศทางแกว่งตัวลง “โมนิก้า” ย่อมมีคำถามในใจขึ้นมาทันที เพราะภาพของการเล่นเที่ยวนี้เหมือนการลากไปเชือด วันนี้เลยต้องถามคนเล่นว่า การยืนปิดที่ระดับ 1.50 บาท บวกไป 0.14 บาท หรือขึ้นไป 10.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 33 ล้านบาท ทั้งที่ไม่มีอะไรมาการันตีความแข็งแกร่งแบบนี้..มันเป็นเกมที่ต้องเล่นเร็วอย่างเดียวนะจ๊ะ