มิติใหม่ ‘ปีศาจแดง’.!?
“สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด” มีการปรับสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ โดย จิม แรทคลิฟฟ์ และมหาเศรษฐีชาวอังกฤษ ได้บรรลุข้อตกลงที่จะซื้อขายหุ้น “แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด”
ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา “สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด” (Manchester United) มีการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ โดย จิม แรทคลิฟฟ์ (Jim Ratcliffe) และมหาเศรษฐีชาวอังกฤษ ได้บรรลุข้อตกลงที่จะซื้อขายหุ้น “แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด” สัดส่วนผู้ถือหุ้น 25% ของหุ้นทั้งหมดจากกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม มูลค่า 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 45,500 ล้านบาท) และเงินลงทุนสนามโอลด์แทรฟฟอร์ด (Old Trafford) อีก 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 10,500 ล้านบาท)
เบื้องต้น “แรทคลิฟฟ์” จะรับผิดชอบการดำเนินงานด้านฟุตบอลของสโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด..และจัดหาเงินทุนจำนวน 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 7,000 ล้านบาท) ในการทำข้อตกลงที่สมบูรณ์และเพิ่มเติมอีก 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3,500 ล้านบาท) ภายในสิ้นปี 2567 รวมจำนวนเม็ดเงินจากข้อตกลงทั้งหมดจะมีมูลค่าทั้งสิ้น 1,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 56,000 ล้านบาท)
โดย “แรทคลิฟฟ์” เป็นเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านปิโตรเคมีที่ชื่อ “อีนิออส” (INEOS) และเป็นหนึ่งในบุคคลที่ร่ำรวยสุดในอังกฤษ..เขาเกิดในเมืองเฟลสเวิร์ธ (Failsworth) เมืองแมนเชสเตอร์ (Greater Manchester) โดยเริ่มพยายามซื้อหุ้นสัดส่วนใหญ่ทั้งหมดประมาณ 69% ถือครองโดยตระกูลเกลเซอร์ (Glazers) เจ้าของสโมสรสัญชาติอเมริกัน
“แรทคลิฟฟ์” ระบุว่า“ในฐานะที่เป็นเด็กท้องถิ่นและเป็นผู้สนับสนุนสโมสรมายาวนานทั้งชีวิต รู้สึกยินดีที่ได้สามารถ บรรลุข้อตกลงกับบอร์ดบริหารของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ที่ได้มอบหมายให้เราได้เป็นตัวแทนความรับผิดชอบด้านบริหาร และดำเนินการด้านฟุตบอลของสโมสร
ขณะที่ความสำเร็จเชิงพาณิชย์ของสโมสรทำให้มั่นใจว่าจะมีเงินทุนสนับสนุนเพียงพออย่างสม่ำเสมอ เพื่อจะชนะถ้วยรางวัลระดับสูงสุด, ศักยภาพนี้ไม่ได้รับการปลดล็อกหรือปล่อยออกมาอย่างเต็มที่ช่วงไม่นานนี้”
ขณะที่ “แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด” ระบุว่า ธุรกรรมดังกล่าวจะมีการจัดหาเงินทุนโดยบริษัท ทรอลเลอร์ส จำกัด เป็นบริษัทที่มีการลงทุนโดยบริษัทแม่ทั้งหมดโดยแรทคลิฟฟ์ ปราศจากหนี้สินใด ๆ
ฟากฝั่งแฟนคลับหรือผู้สนับสนุนสโมสรแมนยูไนเต็ด ได้มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงอุปนิสัยการเข้ามาซื้อหุ้นของตระกูลเกลเซอร์ ที่มีการลงทุนโดยใช้วิธีกู้ยืมเงิน และสร้างภาระหนี้สินให้สโมสร อีกทั้งขาดความรู้เรื่องการลงทุนและมีการจ่ายเงินปันผลออกไปให้กับเจ้าของอีกด้วย…
“เอฟราม เกลเซอร์” และ “โจเอล เกลเซอร์” ประธานบริหารร่วมและผู้อำนวยการสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ระบุว่า “จิม แรทคลิฟฟ์และ อีนิออส (INEOS) ได้นำเอาประสบการณ์ด้านพาณิชย์รวมถึงพันธสัญญาทางการเงินที่สำคัญ เข้ามายังสโมสรผ่านทางอีนิออสสปอร์ต (INEOS Sport) ทำให้สโมสรแมนฯ ยูไนเต็ด ได้เข้าถึงมืออาชีพที่สร้างผลการดำเนินงานดีเยี่ยม และมีประสบการณ์การสร้างสรรค์ และนำพาทีมชั้นยอดทั้งในและนอกเกมการแข่งขัน
สำหรับ “ตระกูลเกลเซอร์” (Glazers) ได้ประกาศล่าสุดเมื่อเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา ถึงแผนการมุ่งแสวงหาการลงทุนใหม่ และได้สั่งให้ธนาคารเพื่อธุรกิจขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ ที่ชื่อเรน (Raine) ดูแลกระบวนการต่าง ๆ รวมถึงความเป็นไปได้ในการขายหุ้นทั้งหมดด้วย..
สโมสรฟุตบอล “แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด” เป็นสโมสรฟุตบอล ตั้งอยู่ที่โอลด์แทรฟฟอร์ดในเกรเทอร์แมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ มีฉายา “ปีศาจแดง” เดิมก่อตั้งขึ้นภายใต้ชื่อสโมสรฟุตบอล “นิวตันฮีตแอลวายอาร์” ใน ค.ศ. 1878 ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น “แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด” ช่วง ค.ศ. 1902 และมีการใช้โอลด์แทรฟฟอร์ด เป็นสนามเหย้าช่วง ค.ศ. 1910
“แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด” ถือเป็นหนึ่งสโมสร ที่ได้รับถ้วยรางวัลมากสุดในประเทศอังกฤษ อาทิ แชมป์ลีก 20 สมัย (สถิติสูงสุด), แชมป์เอฟเอคัพ 12 สมัย, แชมป์ลีกคัพ 6 สมัยและเอฟเอคอมมิวนิตีชีลด์ 21 สมัย (สถิติสูงสุด), แชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 3 สมัย, แชมป์ยูฟ่ายูโรป้าลีก 1 สมัย, แชมป์ยูฟ่าคัพวินเนอร์สคัพ 1 สมัย, แชมป์ยูฟ่าซูเปอร์คัพ 1 สมัย, แชมป์อินเตอร์คอนติแนนตัลคัพ 1 สมัย และฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 1 สมัย
โดยฤดูกาล 1998-1999 กลายเป็นสโมสรแรกในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษ คว้าทริปเปิลแชมป์ระดับทวีปยุโรปและฤดูกาล 2016-2017 กลายเป็น 1 ใน 5 สโมสรที่ได้แชมป์รายการหลักของยูฟ่า ครบทั้ง 3 รายการ
น่าจับตาว่าการเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้นทีม “ปีศาจแดง” ครั้งนี้ จะทำให้บรรดาแฟนคลับผีแดงพอจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงทีมมากแค่ไหน..!? หรืออย่างน้อยก็ไม่น่าทำให้ “แมนยูฯ” ย่ำแย่ลงไปกว่านี้..อีกมั้ง..!!??