CENTEL-MINT-ERW ดาวเด่นกลุ่มโรงแรมปี 67
ภาคการท่องเที่ยวยังคงเป็นความหวังหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ทั้งจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ และจากไทยเที่ยวไทยด้วยกันเอง
เส้นทางนักลงทุน
ภาคการท่องเที่ยวยังคงเป็นความหวังหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ทั้งจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย และจากไทยเที่ยวไทยด้วยกันเอง
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี (ttb analytics) ประเมินว่า การท่องเที่ยวในประเทศปี 2567 ยังสามารถสร้างประวัติศาสตร์เป็นปีที่ 2 ติดต่อกันในมิติด้านจำนวนนักท่องเที่ยวที่สูงถึง 292.1 ล้านคน-ครั้ง
แม้ยังอยู่ภายใต้บริบท “เที่ยวใกล้ ไปกลับ กระชับเส้นทาง” ส่งผลให้รายจ่ายต่อทริปลดลง แต่ด้วยการชดเชยของมิติจำนวนนักท่องเที่ยวในประเทศสามารถสร้างมูลค่าเกินกว่า 1 ล้านล้านบาท ได้อีกครั้ง
ทั้งนี้ การท่องเที่ยวภายในประเทศสร้างเม็ดเงินทางเศรษฐกิจ และเป็นช่องทางสำคัญส่งผ่านเม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวในพื้นที่หนึ่งให้เกิดการหมุนเวียนในพื้นที่ต่าง ๆ หลายพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกลที่ปกติการหมุนเวียนของเม็ดเงินทางเศรษฐกิจค่อนข้างต่ำ เป็นการเปิดโอกาสในการสร้างธุรกิจอันเป็นแหล่งงานตามแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อเป็นรากฐานการเติบโตอย่างยั่งยืน
ภาคการท่องเที่ยวที่ยังคงเติบโตทำให้บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ มองแนวโน้มกำไรของกลุ่มโรงแรมในปี 2567-2568 จะเติบโตแข็งแกร่ง ได้รับแรงหนุนอุปสงค์จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ, อัตรากำไรที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจอาหาร และการขยายโรงแรมใหม่
และจากตัวเลขจำนวนนักท่องเที่ยวจีนฟื้นตัวก้าวกระโดดในเดือนธันวาคม 2566 สะท้อนสัญญาณเชิงบวกของการฟื้นตัวของตลาดต่างประเทศที่สำคัญ เช่น จีน รัสเซีย เกาหลีใต้ และอินเดีย
โดยจำนวนนักท่องเที่ยวขาเข้าเฉลี่ยต่อวันจากจีนในช่วงครึ่งแรกของเดือนธันวาคมพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ คิดเป็น 47% ของค่าเฉลี่ยรายวันเทียบกับเดือนธันวาคม 2562 และคาดว่าโมเมนตัมเชิงบวกจะยังคงดำเนินต่อไปจนถึงตรุษจีนในไตรมาส 1 ปี 2567
คาดความต้องการการเดินทางเพื่อการพักผ่อนที่เพิ่มขึ้นและการฟื้นตัวของลูกค้าในกลุ่มประชุมสัมมนา (MICE) จะหนุนกำไรของกลุ่มโรงแรมในปี 2567 ให้สูงเป็นประวัติการณ์ เติบโต 21% จากปีก่อน ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่สำคัญจะฟื้นตัวเต็มที่ เช่น ยุโรป เอเชียใต้ โอเชียเนีย และตะวันออกกลาง
ขณะที่ การฟื้นตัวช้าของนักท่องเที่ยวชาวจีน โดยเฉพาะในกลุ่มทัวร์แบบหมู่คณะ จะส่งผลกระทบจำกัด เนื่องจากนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ไม่ใช่เป้าหมายหลักของผู้ประกอบการโรงแรมที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวจากแผ่นดินใหญ่มีแนวโน้มที่จะใช้จ่ายด้านที่พักน้อยกว่าเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ในขณะที่ระยะเวลาการเข้าพักจะค่อนข้างสั้น
อย่างไรก็ตาม ยังมีโอกาสที่การกลับมาให้บริการเที่ยวบินอีกครั้งช้ากว่าที่คาดสำหรับสายการบินสัญชาติจีน ส่งผลกระทบต่อเป้าหมายของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่ตั้งเป้านักท่องเที่ยวชาวจีน 8.2 ล้านคน ในปี 2567 เทียบกับ 3.5 ล้านคน ในปี 2566
บล.เมย์แบงก์ ชู 2 หุ้น กลุ่มโรงแรมที่จะได้ประโยชน์สูงสุด คือ 1.บมจ.โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา (CENTEL) เนื่องจากมีแขกชาวจีนเข้าพักมากที่สุด ทั้งโรงแรมในประเทศไทยและมัลดีฟส์ ท่ามกลางต้นทุนค่าอาหารและสาธารณูปโภคในประเทศที่ลดลง คาดการณ์กำไรเติบโตสูงสุดในกลุ่มที่ระดับเฉลี่ย 30% ในช่วงปี 2567-2569 ขณะที่ราคาอยู่ในระดับที่น่าสนใจ บน P/E เฉลี่ย 1.1 เท่า เทียบกับกลุ่มที่ 1.7 เท่า คำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 50 บาท
2.บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) เนื่องจากการเติบโตของกำไรที่แข็งแกร่งและราคาหุ้นถูกที่สุด เชื่อว่าจำนวนลูกค้าองค์กรจะแตะจุดสูงสุดก่อนเกิดโรคระบาดในปี 2567 ซึ่งจะช่วยหนุนอัตราค่าห้องพักและการเติบโตของธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม และอัตรากำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น
ด้านบล.ทิสโก้ ระบุว่า นักท่องเที่ยวมีแนวโน้มขาขึ้น แต่โมเมนตัมยังชะลอตัว แต่แนวโน้มในระยะสั้นถือว่าดี เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวทะลุเกิน 72-75% ของช่วงปี 2562 ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และการริเริ่มโครงการฟรีวีซ่า (Free Visa) เอเชียตะวันออกกลางและรัสเซีย เป็นผู้นำการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวโดยรวมในปีนี้ ซึ่งประมาณการจำนวนผู้โดยสารขาเข้าในปีนี้ที่ 27.8 ล้านคน กลุ่มนักท่องเที่ยวสำคัญส่วนใหญ่ไม่รวมจีน โดยรวมฟื้นตัวขึ้นมามากกว่า 80% ของปี 2562
ตลาดนักท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวแข็งแกร่งที่สุดคือประเทศที่มีพรมแดนติดกับประเทศไทย โดยเฉพาะมาเลเซีย ขณะที่ตลาดจากตะวันออกกลางและรัสเซียก็โดดเด่นเช่นกัน มีแนวโน้มเกินระดับปี 2562 ที่ 16% และ 3% ตามลำดับ ส่วนประเทศอื่น ๆ ในเอเชียที่กลับมาฟื้นตัวในแง่ของจำนวนนักท่องเที่ยวที่มาเยือนไทย ได้แก่ อินโดนีเซีย, เวียดนาม, สิงคโปร์ และเกาหลีใต้
บล.ทิสโก้ คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวในปี 2567-2569 อยู่ที่ 33.4 ล้านคน, 40.9 ล้านคน และ 43 ล้านคน คิดเป็น 84%, 103% และ 106% ของฐานปี 2562 ตามลำดับ ส่วนปีนี้ประเมินที่ 5.7 ล้านคน
ทั้งนี้ คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนน่าจะกลับมาเป็นปกติภายในปี 2569 และมีส่วนทำให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนถึง 43 ล้านคน แต่การใช้จ่ายต่อหัวอาจต่ำกว่าเป้าหมายของรัฐบาลไทย
ซึ่งในกรณีดังกล่าว บมจ.ดิ เอราวัณ กรุ๊ป (ERW) จะได้รับประโยชน์จากการขยายธุรกิจในท้องถิ่นที่แข็งแกร่งผ่านแบรนด์ Hop Inn และคาดว่าจะได้ผลตอบแทนอย่างรวดเร็วจากการเปิดโรงแรมใหม่ที่ญี่ปุ่น คำแนะนำ “ซื้อ” ให้มูลค่าที่เหมาะสม 5.90 บาท
สัญญาณการฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ ชูให้ CENTEL-MINT-ERW เป็นหุ้นดาวเด่นในกลุ่มโรงแรมสำหรับปี 2567