MK ยืนหยัดอสังหาฯ
ตั้งแต่หุ้นอสังหาริมทรัพย์ยุคเก๋ากึกอย่าง MK มีการเปลี่ยนรุ่น เปลี่ยนเจนใหม่ ด้วยการเปลี่ยนผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นกลุ่มฟินันซ่า ก็เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงหลาย ๆ อย่าง
ตั้งแต่หุ้นอสังหาริมทรัพย์ยุคเก๋ากึกอย่าง บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK มีการเปลี่ยนรุ่น เปลี่ยนเจนฯ ใหม่ ด้วยการเปลี่ยนผู้ถือหุ้นใหญ่เป็น “กลุ่มฟินันซ่า” หรือในนามบริษัท เอฟเอ็นเอส โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ก็เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงหลาย ๆ อย่าง…
หนึ่งในนั้นคือ การตัดขายบริษัท เอส 71 พร็อพเพอร์ตี้ จํากัด (เอส 71 พร็อพเพอร์ตี้) ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินเนื้อที่รวม 6 ไร่ 9.9 ตารางวา ย่านพระโขนง กรุงเทพฯ ให้กับบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI ไป…หลายคนก็จิตนาการไปเลยเถิดว่าเป็นการส่งสัญญาณ MK จะทิ้งอสังหาฯ ไม่ทำแล้วหรือเปล่า..?
แต่ไม่ใช่แฮะ…เพราะถ้าดูจากมติบอร์ดเมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2566 ซึ่งว่าด้วยเรื่องการปรับโครงสร้างธุรกิจ อนุมัติให้ขายบริษัท อาร์เอ็กซ์ เวลเนส จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจการให้บริการด้านสุขภาพและที่พัก ให้กับ FNS มูลค่า 275.79 ล้านบาท พ่วงด้วยขายสินทรัพย์ที่เกี่ยวกับธุรกิจให้บริการด้านสุขภาพให้แก่ อาร์เอ็กซ์ เวลเนส ไปในคราวเดียวกัน ราคารวม 83.62 ล้านบาท รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 359.41 ล้านบาท
โดย MK ให้เหตุผลในการขายว่า “ธุรกิจการให้บริการด้านสุขภาพและที่พักนั้น อยู่ในช่วงเริ่มต้นธุรกิจ จึงต้องใช้เงินลงทุนค่อนข้างสูง ประกอบกับช่วงที่เริ่มเปิดธุรกิจเกิดวิกฤตโควิด ทำให้ผลประกอบการไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง” อันนี้ก็พอเข้าใจได้ แต่จะฟังขึ้นหรือเปล่าไม่รู้ ๆ ๆ ๆ
เนื่องจากถ้าไปส่องเทรนด์ธุรกิจการให้บริการด้านสุขภาพ เป็นธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตสูง รับปัจจัยหนุนจาก 1)คนหันมาดูแลใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น และ 2)ประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ทำให้บรรดาค่ายอสังหาฯ เบนเข็มมาทำกัน เพื่อสร้าง Recurring Income หรือรายได้ประจำ
แต่ MK กลับขายธุรกิจนี้ให้กับแม่ไปหน้าตาเฉย…แปลกป๊ะล่ะ
ส่วนตัว MK ก็ยังมุ่งมั่นเดินบนเส้นทางสายอสังหาฯ โดยจะหันมาสร้างการเติบโตจากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบอาคารคลังสินค้าและอาคารโรงงานให้เช่ามากขึ้น พร้อมจะปลุกปั้นให้เป็นธุรกิจหลักของบริษัทในอนาคต…เลยเป็นที่มาของการไปซื้อหุ้นบริษัท บีเอฟทีแซด วังน้อย จำกัด (BFTZWN) ซึ่งประกอบธุรกิจพัฒนาคลังสินค้าและโรงงานให้เช่าจาก FNS เพิ่มอีก 50% มูลค่า 50 ล้านบาท จากเดิม MK ถือหุ้นอยู่แล้ว 50% ส่งผลให้ถือหุ้นในบีเอฟทีแซด เพิ่มเป็น 100%
พ่วงด้วยซื้อหน่วยทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ พรอสเพค โลจิสติกส์และอินดัสเทรียล (PROSPECT REIT) จาก FNS ในสัดส่วน 22.19% มูลค่า 781.23 ล้านบาท จากเดิม MK ถือครองหน่วยทรัสต์อยู่แล้ว 8.61% ส่งผลให้ถือครองหน่วยทรัสต์เพิ่มเป็น 30.80%
ดู ๆ ไปการปรับโครงสร้างครั้งนี้ไม่ต่างจากการแลกธุรกิจระหว่างแม่กับลูกเลยนะเนี่ย…โดย MK โยกธุรกิจด้านสุขภาพให้ FNS ส่วน FNS ก็โยกธุรกิจให้เช่าคลังสินค้าและโรงงานให้กับ MK ไป…
แต่น่าแปลก ในขณะที่หลาย ๆ บริษัทอสังหาฯ พยายามไปเสาะแสวงหาธุรกิจใหม่ ๆ เพื่อหวังกระจายความเสี่ยง เพราะทุกวันนี้ธุรกิจอสังหาฯ ก็ไม่ต่างจากน่านน้ำสีแดง หรือ Red Ocean มีการแข่งขันกันสูง ดีมานด์ไม่ได้ดีเหมือนในอดีต…แต่ MK ไม่ทิ้งลายเดิม…ยังคงยืนหยัดในธุรกิจอสังหาฯ ต่อไป..!!
ขณะที่ความท้าทายของ MK จะวางหมากธุรกิจยังไงให้สู้ศึกในสนามนี้ได้..?
หรือสุดท้ายต้องโยนผ้าขาว…จำใจเดินไปสู่ธุรกิจใหม่..? ก็ต้องดูกันต่อไป
…อิ อิ อิ…